Author

iloveaday

Browsing
สวัสดีค่ะ ตอนนี้ก็ผ่านสงกรานต์มาเกือบสองอาทิตย์แล้ว หลายคนยังมีปัญหาหนักอกหนักใจ
เกี่ยวกับเรื่องผิว ที่ทำยังไง๊…ยังไงก็ยังไม่กลับมาเหมือนเดิมสักที
และอ๊อฟก็เป็นอีกคนหนึ่งที่วันสงกรานต์แอบออกไปเล่นน้ำที่ทะเล ไม่ต้องถามว่าแดดร้อนขนาดไหน
มาทะเลจะมาเล่นน้ำแบบกลัวแดดก็คงไม่สนุกเนอะ สนุกให้เต็มที่ไปก่อนแล้วค่อยมาฟื้นฟูกัน
วันนี้อ๊อฟเลยรวบรวมไอเทมดูแลผิวคล้ำเสียหลังสงกรานต์หรือหลังโดนแดดมาฝากกันค่ะ
ซึ่งผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ที่อ๊อฟใช้ส่วนมากจะมีส่วนผสมของ Aloe Vera อย่างที่รู้กันว่าผิวคล้ำเสีย
หลังโดนแดด ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของว่านหางจระเข้ เพราะมีคุณสมบัติช่วยรักษารอยไหม้,ผิวไหม้
ที่เกิดจากการโดนแดด ช่วยเพิ่มความชุ่มชื่น บรรเทาอาการปวดแสบปวดร้อน และยังมีประโยชน์อีกมากมาย
หลังจากที่ผิวโดนแดดจะเป็นอะไรที่ sensitive มาก ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิว ห้ามขัดผิว สครับผิว
หรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรดผลไม้, ไวท์เทนนิ่ง ควรเน้นบำรุงและเติมความชุ่มชื่นให้ผิวมากๆ ก่อน
และไอเทมเด็ดๆ ที่อ๊อฟคัดแล้วว่าใช้ดี เห็นผลจริงจะมีอะไรกันบ้าง ไปดูกันเล๊ยยยยย

บางคนงงว่า เอ๊ะ สำลีมาเกี่ยวอะไร เพราะหลังจากที่เราโดนแดดมา ผิวหน้าของเรานอกจากจะคล้ำเสียแล้ว
บางคนอาจมีอาการแสบ อาจมีรอยไหม้ รอยแดง คนที่ผิวแพ้ง่ายก็อาจจะเกิดผดผื่น
สิวเม็ดเล็กเม็ดน้อย ดังนั้นเราจึงต้องเลือกอะไรที่อ่อนโยนและไม่ทำร้ายผิวหน้าของเรา
สำลี AIME’  ผลิตจากฝ้ายแท้บริสุทธิ์ 100%  เป็นสำลีที่นุ่มมากกกก ไม่บาดหน้าเลย
กดคลีนซิ่งแค่นิดเดียวก็ทั่วแผ่นแล้ว ที่สำคัญเช็ดเมคอัพแล้วสำลีไม่เป็นขุยติดหน้า ราคาก็ไม่แพงอีกด้วย

ต่อมาเป็น Cleansing Water จาก Beauty Cottage
BEAUTY COTTAGE ALOE VERA PURIFYING & MOISTURIZING CLEANSING WATER
ตัวนี้เหมาะสำหรับคนที่แต่งหน้าไม่ได้แน่นหรือหนักมาก
แต่พวกคิ้วที่กันน้ำหรือลิปสติกที่เม็ดสีแน่นๆ
ต้องกดคลีนซิ่งออกมาชุ่มๆ หน่อยถึงจะเช็ดออก
ข้อดีของตัวนี้คือ เช็ดแล้วผิวยังคงชุ่มชื้น ผิวไม่แห้งตึงและก็ไม่ทำให้เหนียวเหนอะหนะด้วย
ได้อารมณ์แบบเช็ดแล้วเบาสบายผิว ตัวนี้มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ถ้าใครแพ้พวกน้ำหอมไม่แนะนำจ้า

ถ้าใครที่แต่งหน้าหนักๆ ใช้พวกเมคอัพกันน้ำทั้งหลายแหล่
แนะนำตัวนี้เลย Shu Uemura Skin PurifierAnti/Oxi+ Cleansing Oil ปราศจากส่วนผสมของ Mineral Oil สูตรนี้เค้ามีสารสกัดจากสมุนไพรถึง 3 ชนิด มะรุม มะละกอ ชาเขียว
มีส่วนผสมช่วยต้านผลกระทบจากมลภาวะและเคลมว่าช่วยลดโทนผิวหมองคล้ำให้ผิว
 ตัวนี้แค่นวดเบาๆ แปปเดียวพวกเมคอัพที่ล้างออกยากๆ ก็จะหลุดออกมา มีกลิ่นหอมอ่อนๆ นวดแล้วสบายผิว
เรื่องลดความหมองคล้ำให้ผิวไม่แน่ใจ แต่ตัวนี้ใช้แล้วผิวไม่แห้งตึง
ไม่ทิ้งความมันไว้บนผิว ไม่ทำให้เกิดสิวอุดตัน เสียอย่างเดียว…แพงอ่าาา

ตัวนี้คงไม่ต้องบรรยายเยอะ คิดว่าทุกคนคงเคยใช้ สำหรับ Cetaphil  Gentle Skin Cleanser
ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าและผิวกาย แต่หลักๆ ตัวนี้อ๊อฟเอามาล้างหน้าเพราะอ่อนโยนและดีต่อผิว

ปราศจากสบู่และน้ำหอม ใช้แล้วไม่ระคายเคืองผิว ล้างออกง่ายและยังคงความชุ่มชื้นให้กับผิวอยู่

มาต่อกันที่ครีมกันแดด วันนี้อ๊อฟเลือกมา 3 ตัว ที่ชอบมากและใช้เป็นประจำ ครีมกันแดดทั้งหมด
ที่เลือกมาเพราะเป็นเนื้อเซรั่ม บางเบา ทาแล้วเบาสบายผิว ไม่เหนียวเหนอะหนะ เหมาะกับหน้าร้อนสุดๆ
Mizumi UV Water Serum  ปราศจากสารเคมี 100%  มีความอ่อนโยนสูงมาก เหมาะกับผิวเเพ้ง่าย เป็นสิว
รวมไปถึงผิวหลังทำเลเซอร์ตัวนี้ไม่มีน้ำมัน เเอลกอฮอล์ สารกันเสีย พาราเบน น้ำหอม เเละสี
ปกป้องและกันแดดได้ดี เสียอย่างเดียวราคาสูงไปนิด

 

Biore UV Aqua Rich Watery Essence   กันแดดสูตรน้ำ บางเบาพิเศษ เพิ่มประสิทธิภาพการปกป้องสูงสุด
ยาวนานกว่าเดิม ตัวนี้เคยรีวิวไปนอกจากเนื้อจะบางเบา ทาแล้วเบาสบายผิวเหมือนไม่ได้ทา
ไม่เหนียวเหนอะหนะ กันแดด กันน้ำ กันเหงื่อได้ดีอีกด้วย

 

NIVEA Sun Protect & White Oil Control Serum SPF50+ PA+++  เซรั่มกันแดดเนื้อบางเบา
สูตรลดความมัน ไม่อุดตันรูขุมขน ตัวนี้ทาแล้วกลืนไปกับผิวไม่เหนียวเหนอะหนะ คุมมันได้นิดหน่อย
ตัวนี้ไม่มีน้ำหอมเเละสี เเต่มีเเอลกอฮอล์ ดังนั้นถ้าใครแพ้ควรหลีกเลี่ยงนะคะ
Blumei JeJu Moisture Aloe Vera 97%  Soothing Gel เจลว่านหางสารพัดประโยชน์ ตัวนี้ทาได้ทั้งผิวหน้า
และผิวกาย คุณสมบัติเด่นของเค้าคือ ช่วยลดการระคายเคืองและอักเสบของผิวที่เกิดจากการไหม้หลังโดนแดด
ปราศจากสารสังเคราะห์ที่ทำร้ายผิว 7 ประการ อาทิ เช่น พาราเบนและมิเนอรัล ออยล์ หรือใส่สีสังเคราะห์
แต่ตัวนี้มีแอลกอฮอล์นะคะ ถ้าใครแพ้แอลกอฮอล์ควรเลี่ยง เนื้อเจลมีความเย็นตามสไตล์เจลว่านหางจระเข้
เนื้อเจลเหลว แต่ไม่ได้เหลวมาก ให้ความชุ่มชื้นได้ดี ซึมไวไม่เหนอะหนะ ทาแล้วเย็นสบายผิว อันนี้ต้องมีติดบ้าน

ถ้าใครเคยใช้น้ำตบแพลงก์ตอนของ Biotherm ตัวนี้เป็นอีกตัวที่ควรค่าแก่การเสียสะตุ้งสตางค์
สำหรับ Biotherm Life Plankton Mask เป็นมาสก์ที่ให้ความชุ่มชื่นกับผิวได้ดีมากกกก
แถมยังเด่นในเรื่องของการปลอบประโลมผิว ลดการอักเสบและระคายเคืองผิว

ให้ความรู้สึกเบาสบายผิว และให้ความชุ่มชื้นยาวนานกว่าตัวเอสเซ้นส์ แนะนำว่าแช่ตู้เย็นแล้วเอามามาส์ก
จะฟินมาก กลิ่นเหมือนตัวเอสเซ้นส์เลย จะหอมหรือจะเหม็นก็ไม่รู้ ใครไม่ชอบกลิ่นต้องทำใจไว้เลย
แต่ตัวนี้ใช้แล้วพวกรอยแดงๆ หรือผิวที่อักเสบอยู่หายไวขึ้น ผิวหน้าชุ่มชื้นและแข็งแรงขึ้นกว่าแต่ก่อน

Faith in Face Hydrogel  Mask สูตร Light Effect ตัวนี้เป็นมาส์กจากเกาหลีที่ช่วยฟื้นฟูผิวที่คล้ำเสีย
ให้ผิวกระจ่างใสขึ้น มีส่วนผสมของวิตามินบี 3 ,โปรตีนจากไข่มุกและสารสกัดจากใบบัวบก
ที่ช่วยลดเลือนจุดด่างดำ ผิวหมองคล้ำจากการโดนแดด 
ตัวมาส์กเป็นไฮโดรเจลแยกชิ้นส่วนกัน บน-ล่าง ตัวนี้ไม่ต้องแช่ตู้เย็น แผ่นมาส์กก็เย็นจ้า
ตัว Hydrogel ประกอบไปด้วยส่วนผสมที่เป็นธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็น คอลลาเจน วิตามินอี ไฮยารูลอนิค เอซิด
ที่ช่วยทำให้ผิวของเรามีความชุ่มชื่น โดยปราศจากอาการแพ้หรือระคายเคืองผิว
เห็นแผ่นมาส์กหนาๆ แบบนี้เพราะเค้าดูดเซรั่มที่ใช้บำรุงผิวไว้ข้างใน พอมาส์กเสร็จแผ่นมาส์กก็จะฟีบลง

ข้อดีของมาส์กชนิดนี้ คือ ไม่มีรอยยับหรือรอยย่น ไม่มีฟองอากาศเหมือนเราใช้มาส์กแผ่นทั่วๆ ไป
ตัวนี้มันแนบสนิทไปกับผิว รับกับรูปหน้าของเรา ไม่ไหลหรือลื่นหลุด จากที่ใช้มาหลายสูตร
ชอบสูตรนี้ที่สุด เพราะนอกจากผิวจะอิ่มน้ำฟู เด้ง นุ่มแล้ว ผิวมันไบรท์และกระจ่างใสขึ้นอีกด้วย

มาส์กทิ้งไว้ 30 นาที ดูซีรี่ย์ไปมาส์กไปได้เลย หลังมาส์กเสร็จแนะนำว่า ควรนวดให้เนื้อเจลหรือเซรั่มซึมเข้าไป
มาส์กเสร็จผิวมันก็จะใสประมาณนี้ มาส์กตอนกลางคืนตื่นมาหน้าเด้ง สว่างขึ้นเลย
หรือจะมาส์กก่อนแต่งหน้าก็ช่วยให้แต่งหน้าติดทนขึ้นอีกด้วย
แผ่นมาส์กมีค่าอย่าทิ้ง เอามาถูมือ ทาคอ หรือแขน ขา ได้หมด จะสวยทั้งทีต้องสวยทั้งตัวนะจ๊ะ

Witty Merry Absolute Hydro Mist ตัวนี้ดีกว่าสเปรย์น้ำแร่ทั่วไปที่นอกจากจะให้ความเย็นความสดชื่นกับผิว
คุณสมบัติเด่นของตัวนี้ คือ ลดเลือนรอยแดงของผิวอันเนื่องมาจากความร้อนและแสงแดด
เพราะมีสารสกัดสำคัญ อย่าง ว่านหางจระเข้, แตงกวา ,  ชะเอมเทศ และสารสกัดจากธรรมชาติอื่นๆ

ตัวนี้ฉีดแล้วผิวจะหนึบๆ เล็กน้อย ฉีดเสร็จต้องเกลี่ยให้ทั่วใบหน้าอีกทีนะคะ เนื่องจากตัวสเปรย์ไม่ใช่น้ำใสๆ
อารมณ์เหมือนเอาว่านหางจระเข้มาอัดเป็นสเปรย์เหมาะกับเวลาที่ต้องไปออกแดด ฉีดตัวนี้แล้วผิวเย็นสดชื่น

ต่อมาเป็น Overnight Lip Mask 100% Natural Extract จาก IKAKO เป็นมาส์กปากที่ไม่ต้องล้างออก
 ไม่มีพาราเบน ,น้ำหอม, สีสังเคราะห์ ,ซิลิโคนและแอลกลอฮอล์

สารสกัดส่วนใหญ่มาจากธรรมชาติทั้งนั้น ตัวนี้ช่วยฟื้นฟูริมฝีปากที่แห้งแตกเป็นขุย
ช่วยให้ปากเนียนเรียบและชุ่มชื้นขึ้น เนื้อครีมเป็นสีขาวไม่มีกลิ่นนะคะ

จะทาก่อนนอนหรือระหว่างวันทับลิปสติกก็ได้ค่ะ เพราะไม่มีสี ตัวนี้ทาแล้วไม่เหมือนกินข้าวมันไก่มานะ
ไม่มัน ไม่เยิ้ม  โบกก่อนนอนตื่นมาปากเรียบเนียนเลยแหละ

มาต่อที่ตัวกันบ้าง Curel Intensive Moisture Care Body Wash เจลอาบน้ำสำหรับผิวบอบบางแพ้ง่าย
ช่วยฟื้นบำรุงรักษาระดับเซราไมด์ในผิว เป็นเกราะปกป้องให้ผิวดูแข็งแรง สุขภาพดี
ปราศจากน้ำหอม และสี สูตร pH-balanced และ Hypoallergenic

หลังจากที่ผิวโดนแดดมาหนักๆ นอกจากตัวนี้จะให้ความชุ่มชื่นกับผิวเวลาอาบน้ำแล้ว
ยังช่วยลดการระคายเคืองผิวที่แห้งแตกหรือเป็นขุยราคาค่อนข้างสูง แต่ใช้นิดเดียวฟองก็ทั่วตัวแล้ว
อาบน้ำเสร็จจับผิวจะรู้สึกได้เลยว่าผิวนุ่มขึ้น ตรงที่หยาบกร้าน เช่น ข้อศอก หรือหัวเข่า ก็เนียนขึ้น

Banana Boat Sport CoolZone Gel เจลว่านหางจระเข้สีฟ้าสูตรเย็น เป็น After sun ที่ใช้บำรุงและฟื้นฟูผิว
จากการตรากตรำโดนแดดแผดเผา ตัวนี้ใช้ได้ทุกวันเหมือนเราทาโลชั่นทั่วๆ ไป เพราะเป็นว่านหางจระเข้
ที่ช่วยให้ความชุ่มชื้น ช่วยเติมน้ำให้ผิว ไม่ให้พวกรังสียูวีเข้ามาทำร้ายผิวได้ง่ายๆ

ตัวนี้เหมาะกับผิวกายมากกว่าผิวหน้านะคะ มีส่วนผสมของวิตามินอีที่ช่วยฟื้นฟูบำรุงผิวให้สีผิวกลับมาเรียบเนียน
สม่ำเสมอ ข้อดีของตัวนี้คือ เค้ามีส่วนผสมของเมนทอล ปกติเจลว่านหางจระเข้เวลาทาก็จะรู้สึกเย็นแล้ว
แต่ตัวนี้เย็นคูณสองไปอี๊กกก ทาลงผิวแล้วสดชื่นเลย ไม่มัน ไม่เยิ้ม ไม่เหนอะหนะผิว

ทากันแดดที่หน้าแล้วอย่าลืมทากันแดดที่ตัวด้วยนะคะ  P.O CARE Sun Block Lotion SPF 50 PA+++
มีส่วนผสมของสารที่ช่วยป้องกันรังสียูวีเอและยูวีบี ป้องกันผิวหมองคล้ำ แสบไหม้และอักเสบจากแสงแดด

เป็นครีมกันแดดที่สีส่วนผสมของว่านหางจระเข้ นอกจากจะปกป้องกันแดดแล้วยังบำรุงผิวอีกด้วย
ตัวนี้ไม่มีน้ำหอม ไม่มีแอลกอฮอลล์ เหมาะกับคนผิวแห้ง

ตัวนี้อ๊อฟเอามาทาตัวนะคะ ข้อดีของเค้านอกจากราคาจะน่ารักไม่แพงแล้ว รู้สึกจะ 199 บาท
เนื้อโลชั่นยังเกลี่ยง่าย บางเบา ซึมไว ไม่เหนียวเหนอะหนะ ทาแล้วไม่ขาวไม่วอก

ต่อมาเป็นโลชั่นที่อ๊อฟใช้บำรุงผิว JerGens Soothing Aloe จริงๆ ใช้มาหลายสูตร แต่สูตรนี้เหมาะกับ
หน้าร้อนที่สุดแล้วเพราะสูตรนี้เนื้อโลชั่นเค้าบางเบา ทาแล้วไม่เหนียวเหนอะหนะเหมาะ ทาแล้วสบายผิว

มีส่วนผสมของ Cucumber Extract และ Aloe Vera ที่ช่วยปลอบประโลมผิวและช่วยฟื้นฟูผิวที่หยาบกร้าน
จากการโดนแดดได้ดี เหมาะกับคนผิวแห้ง ใช้แล้วผิวชุ่มชื่นขึ้น แถมยังมีกลิ่นหอมสดชื่นอีกด้วย

จะสวยทั้งทีก็ต้องครบสูตรเนอะ เพราะแสงแดดเค้าไม่เลือกส่วนของการทำร้ายผิว เส้นผมก็ไม่รอดนะจ๊ะ
  L’OREAL HAIR SPA DEEP NOURISHING CREAMBATH ตัวนี้อ๊อฟใช้แทนครีมนวดผมเลย
ช่วยฟื้นฟูสภาพเส้นผมจากอาการแห้งและถูกทำลายให้กลับมาชุ่มชื้น นุ่มสลวยเงางาม
พร้อมบำรุงสุขภาพเส้นผมให้ดียิ่งขึ้น เหมาะสำหรับผมแห้งเสียและอ่อนแอ

เนื้อครีมข้นมาก เอามาหมักช่วงปลายผม จากที่แห้งเสีย หมักทิ้งไว้แล้วใช้ผ้าขนหนูอุ่นๆ มาโพกหัว
พอล้างออกผมนุ่มมากกกก ทำสปผมได้ง่ายๆ ที่บ้านไม่ต้องเข้าร้านไปอบไอน้ำเลย

เป็นยังไงคะ ไอเทมดูแลและฟื้นฟูผิวหลังโดนแดดที่อ๊อฟรวบรวมมา หวังว่าจะถูกใจกันนะคะ
ช่วงนี้ควรเน้นบำรุงและให้ความชุ่มชื้นกับผิวก่อน ดื่มน้ำเยอะๆ ทานผักผลไม้ที่มีประโยชน์
ทาครีมกันแดดเป็นประจำ หลีกเลียงแสงแดดช่วงเวลา 09.00 – 15.00 น. หลังจากที่ฟื้นฟูและบำรุงผิว
ประมาณ 2 สัปดาห์ผิวจะเริ่มดีขึ้นและกลับมาเป็นปกติ หลังจากนั้นจะขัดผิว สครับผิว ใช้ไวท์เทนนิ่งอะไรก็ว่ากันไป
สุดท้ายนี้ ถูกใจอย่าลืมกดไลค์ กดแชร์กันด้วยน้าาา

สวัสดีค่ะ กลับมาพบกับอ๊อฟในเดือนที่ร้อนระอุแบบนี้จะเป็นเดือนอะไรไปไม่ได้นอกจาก “เดือนเมษา “นั่นเอง
และถ้าเดือนเมษายน สิ่งที่เราทุกคนรอคอยก็คือ “เทศกาลสงกรานต์” ซึ่งปีนี้อ๊อฟได้รวบรวมเอา
10 สิ่งที่ผู้หญิงต้อง(มี)เตรียมพร้อมเล่นสงกรานต์ 2018 จะมีอะไรบ้างไปดูกันเล๊ยยยย

1. ชุดเล่นสงกรานต์ ไม่มีอะไรจะเหมาะไปกว่าเสื้อลายดอก เสื้อฮาวายแบบ THE TOY อีกแล้ว
สำหรับเทศกาลสงกรานต์จะดอกเล็กดอกใหญ่ สีสันสดใสหรือสีพาสเทลก็อินเทรนด์ไม่มีเอ้าท์แน่นอน
” เสื้อ กางเกง รองเท้าแตะ แว่นตา ควรเตรียมให้พร้อมก่อนออกไปรบ(สาดน้ำ)”
และควรแต่งตัวให้รัดกุมเข้าไว้ จะเป็นเสื้อ over size หรือเสื้อยืดที่พอดีตัวก็น่ารักดีค่ะ
แต่ไม่ควรใส่เสื้อรัดรูปหรือกางเกงขาสั้นจนเกินไป เป็นการเซฟตัวเองไปในตัวด้วยเนอะ
2. ครีมกันแดด บางคนอาจจะชอบเล่นน้ำตอนกลางคืน แต่ก็ยังมีอีกหลายคนชอบบรรยากาศการเล่นน้ำ
ตอนกลางวันอยู่ และสิ่งที่เราขาดไม่ได้ถ้าจะต้องเล่นน้ำตอนกลางวัน นั่นก็คือ “ครีมกันแดด”
แน่นอนว่าทาหน้าทาตัวอย่างเดียวอาจไม่พอ ต้องเลือกครีมกันแดดที่กันน้ำกันเหงื่อด้วย
และยี่ห้อที่แนะนำสำหรับทาตัวคือ BANANA BOAT Sport  Sunscreen Lotion SPF50+ PA+++
ตัวนี้เหมาะมากสำหรับการทำกิจกรรมกลางแจ้ง กันแดดได้ดีมากกกกก ไม่คล้ำลงเลย แต่รุ่นนี้จะเกลี่ยยาก
และเหนอะหนะมากไปหน่อย ได้ข่าวว่าเค้ามีสูตรใหม่ที่ไม่เหนียวเหนอะหนะและซึมซาบเร็วออกมา
แต่อ๊อฟยังไม่ได้ลองเลย ไว้จะไปซื้อแล้วมารีวิวให้ดูกัน
และยี่ห้อที่แนะนำสำหรับทาหน้า Biore UV AQUA RICH Watery Essence SPF50+ PA++++
ตัวนี้เคยรีวิวไปอาทิตย์ที่แล้วเพราะเนื้อบางเบามาก ซึมซาบเร็ว เกลี่ยง่าย กันแดดกันน้ำได้ดี
สำหรับคนที่กลัวแพ้ อ๊อฟก็มีครีมกันแดด Cetaphil DayLong SPF 30 PA+++ ครีมกันแดด
สำหรับคนผิวมันและแพ้ง่าย ปราศจากน้ำหอมและพาราเบน ไม่อุดตัน ไม่มันเยิ้มแถมยังกันแดดได้ดีอีกด้วย

3. เมคอัพกันน้ำ เป็นสิ่งที่ผู้หญิงเราขาดไม่ได้เลย จะมาเปียกน๊งเปียกน้ำแล้วอายไลเนอร์ไหลเยิ้ม
มาสคาร่าเลอะเทอะก็ใช่เรื่อง ไหนจะเจอสงครามสาดน้ำ ถ้าเมคอัพหลุดคงไม่ดีแน่ๆ
วันนี้อ๊อฟเลยหยิบเมคอัพกันน้ำกับลุคแต่งหน้าง่ายๆ ที่ควรมีมาฝากกันค่ะ

1. fitt Cushion เป็นคุชชั่นที่สีเนียนพอดีกับผิว ปกปิดใช้ได้ ไม่หมองไม่ดรอปและไม่หลุดเมื่อโดนน้ำ
2. Cosluxe Browsup ดินสอเขียนคิ้วเนื้อเจลที่อึด ถึก ทน ทุกสภาพอากาศ สาดมาคิ้วไม่มีหายแน่นอน
3. odbo eyebrow cushion ที่เขียนคิ้วแบบคุชชั่น อ๊อฟเอามาไล้ดั้ง เฉดกรอบหน้า ติดแน่นติดทน
4. Cosluxe Bloomy Whip #Redrose ทาได้ทั้งแก้มและปาก ได้แก้มและริมฝีปากแดงแบบระเรื่อๆ
5. Maybelline MAGNUM Bigshot มาสคาร่าที่โดนน้ำแล้วไม่เหมือนสาวร้องไห้เวลาโดนเท ไม่เยิ้มไม่แพนด้า
6. Wynn Me Cosmic Eyeliner อายไลเนอร์หัวพู่กันเส้นเล็กติดแน่นทนนาน กรีดง่ายไม่เลอะเทอะ

หลังโดนน้ำแล้วก็ยังเป๊ะอยู่ สาวๆ ควรมีเมคอัพกันน้ำติดไว้นะจ๊ะ

4. ปืนฉีดน้ำ จะไปเล่นน้ำแล้วจะขาดปืนฉีดน้ำได้ไงเนอะ เลือกกระบอกที่เล็กๆ ไม่ต้องใหญ่มาก
เวลาเดินไปจะได้ไม่หนักหรือเทอะทะเวลาที่ต้องเข้าไปเบียดเสียดผู้คนเยอะๆ

และไม่ควรใช้ปืนฉีดน้ำแรงดันสูง เพราะอาจทำให้เกิดอันตรายได้ค่ะ เล่นแค่พอหอมปากหอมคอพอเนอะ

5. กระเป๋ากันน้ำ หรือ ซองใส่โทรศัพท์มือถือ อันนี้สำคัญมากกก เพราะสามารถป้องกันมือถือและของสำคัญเราได้

แนะนำว่าพกแบบกระเป๋าไปเลย จะสะพายแบบเก๋ๆ หรือคาดเอวแบบแนวๆ ก็ดีแถมยังใส่ของได้อีกหลายอย่างด้วย

6. ของที่ขาดไม่ได้ที่อ๊อฟพูดถึง นั่นก็คือ พวกบัตรประชาชน บัตรประกัน เงินและยาประจำตัว ยาดม ยาหม่อง
หรือพลาสเตอร์ยาที่ควรมีพกติดไว้ หรือสาวๆ ที่ใส่คอนแทคเลนส์เล่นน้ำ อาจเกิดมีอาการระคายเคืองตา
ควรพกตลับและน้ำยาคอนแทคเลนส์ติดเอาไว้ค่ะ หรือถ้าจะให้สะดวกเลือกคอนแทคเลนส์
แบบ One Day ที่สามารถใส่แล้วทิ้งได้เลย

7. ผ้าเช็ดหน้า หรือ ผ้าขนหนูผืนเล็กๆ อันนี้ก็สำคัญและไม่ควรมองข้ามเหมือนกันค่ะ
เพราะบางทีเราอาจจะโดนแป้งหรืออะไรเลอะหน้าหรือเข้าตา พกผ้าไว้คอยเช็ดหน้า
หรือคอยเช็ดผมให้แห้ง เดินเล่นน้ำทั้งวันหวัดจะได้ไม่ถามหา

8. ผ้าอนามัยแบบสอด คงไม่ดีแน่ถ้าวันที่เล่นน้ำแล้วเป็นประจำเดือน อย่าลืมเลือกใช้ “ผ้าอนามัยแบบสอด”
แทนแบบแผ่นนะคะ เพราะนอกจากจะไม่ต้องเข้าห้องน้ำเปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยๆ เลือกใส่แบบสอดยังสบายตัว
อีกด้วย ไม่ต้องกลัวเลอะ กลัวเปรอะ กลัวเปื้อนหรือกลัวแถบกาวจะหลุดเวลาโดนน้ำ
อย่าลืมเตรียมไปสำรองเปลี่ยนระหว่างวันด้วยนะคะ จะได้ไม่อับชื้นหรือมีกลิ่นไม่พึงประสงค์

9. กล้องกันน้ำ แน่นอนว่าจะเล่นน้ำให้สนุกก็ต้องลงรูปในเฟสบุ๊คหรือแทกไอจีกับเพื่อนสักหน่อย
ไอจะหยิบมือถือออกมาถ่าย ซองกันน้ำก็อาจจะเอาไม่อยู่ เดี๋ยวมือถือพังไปการเล่นน้ำจะไม่ใช่เรื่องสนุกอีกต่อไป
พกกล้องที่กันน้ำไปเลยดีกว่าและวันนี้อ๊อฟก็จะมาแนะนำกล้องกันน้ำที่อ๊อฟใช้อยู่ค่ะ
– Go Pro  Session 4 ข้อดีของกล้องโกโปรอย่างที่เรารู้ นอกจากกันน้ำกันกระแทกยังเหมาะกับกิจกรรมมันส์ๆ
กิจกรรม ADVENTURE สามารถเก็บได้ทั้งภาพมุมกว้าง จะภาพนิ่งหรือวิดิโอก็ถ่ายออกมาได้สวย ได้อารมณ์สุดๆ
– CASIO FR100L มันเป็นกล้องที่เกิดมาเพื่อสาวๆ อย่างเรา กล้องฟรุ้งฟริ้งที่ลงน้ำได้ ใช่ค่ะ….ลงน้ำได้
จะเอาไปว่ายน้ำหรือถือตอนเล่นน้ำก็ไม่ต้องกลัวพังเพราะมันโดนน้ำได้จริงๆ ที่สำคัญเลนส์ยังเป็นมุมกว้าง
สามารถถอดออกมาได้อีกด้วย เก็บรายละเอียดได้ดี แถมถ่ายออกมาก็หน้าเนียน เรียวงาม สวยสุดๆ

10. พวงมาลัย เตรียมพวงมาลัยสวยๆ พร้อมน้ำอบไทยไป “รดน้ำดำหัว” เพื่อขอโทษหรือขอขมา
ที่อาจจะเคยล่วงเกินผู้ใหญ่ทั้งกาย วาจา ใจ ทั้งที่ตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจ ไม่ว่าจะ
ต่อหน้าหรือว่าลับหลังก็ตาม
และขอพรจากผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือ ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ปู่ยาตายาย ครูบาอาจารย์เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต
เป็นยังไงกันบ้างคะกับ รีวิว 10 สิ่งที่ผู้หญิงต้อง(มี)เตรียมพร้อมเล่นสงกรานต์ 2018 ที่อ๊อฟรวบรวมมาให้
หวังว่าจะเป็นประโยชน์แก่สาวๆ เนอะ สงกรานต์ปีนี้เล่นน้ำให้สนุก ปลอดภัย อย่าลืมดูแลตัวเองด้วยนะคะ

 

 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาอ๊อฟไปทำตามาค่ะ แต่งานของอ๊อฟก็หยุดที่จะแต่งหน้าหรือสวอชสีรีวิวเครื่องสำอางไม่ได้เลย
ไหนจะทำฮาวทูสอนแต่งหน้า ไหนจะทำรีวิวหรือสวอชเครื่องสำอางใหม่ๆ มาให้แฟนเพจได้ดูกัน

วันนึงต้องแต่งหน้าและลบเครื่องสำอางหลายรอบมาก มากจนรู้สึกว่าเสียเวลาไปเยอะเลย
กว่าจะใช้เมคอัพรีมูฟเวอร์เช็ดเครื่องสำอางแล้วต่อด้วยโฟมล้างหน้า ล้างทำความสะอาดใบหน้า ใช้เวลาไปเยอะเลย
หรือบางทีรีบเร่งมากๆ ก็อยากจะใช้แค่โฟมล้างหน้า step เดียว เพื่อล้างเครื่องสำอางด้วย
แต่ก็ไม่เคยล้างออกในรอบเดียวสักที ต้องมีเครื่องสำอางหลงเหลือทำให้ต้องล้างหลายรอบตลอด

แต่วันนี้จะไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเค้าอีกต่อไปแล้ว เพราะเค้าได้ไอเท็มเด็ดมา นั่นก็คือ Biore Speedy Micellar Foam โฟมล้างเมคอัพ ” เมคอัพสะอาดหายทันที สะอาดชัวร์ในล้างเดียว “ โอ้โห…เห็นทางแบรนด์บอกมาแบบนี้แล้วอยากลองมาก
ถ้าทำได้จริงคงลดเวลา ลดขั้นตอนในการทำความสะอาดใบหน้าไปเยอะเลย

Biore Speedy Micellar Cleansing Foam โฟมล้างเมคอัพออกง่ายด้วยเทคโนโลยีไมเซลล่าในโฟมจากประเทศญี่ปุ่น
ซึ่งเป็น “ครั้งแรก” ที่ไมเซลล่ามาอยู่ในโฟมล้างหน้าด้วยค่ะ
หลายๆ คนคงได้ยินมาเยอะเกี่ยวกับไมเซลล่าแต่ไม่รู้ว่าไมเซลล่าเนี่ยคืออะไร แล้วทำหน้าที่อะไร
Micellar Technology  “ไมเซลล่า  ซึ่งเป็นอนุภาคระดับนาโนจะตรงเข้า  “ดูด”  จับเครื่องสำอางและสิ่งสกปรกบนใบหน้า
ไม่ว่าจะเป็นเครื่องสำอางหรือฝุ่นละอองก็สามารถดูดจับและ “ผลัก”  สิ่งสกปรกที่ตกค้างออกจากผิวหน้าได้หมดจด

วันนี้อ๊อฟเลยจะมาทำการเปรียบเทียบโฟมล้างเครื่องสำอางของบิโอเร Biore Speedy Micellar Cleansing Foam
กับโฟมล้างหน้าทั่วๆ ไปที่เราใช้อยู่ในชีวิตประจำวันว่าจะสามารถทำความสะอาดเมคอัพได้หมดจดหรือไม่ ?
วันนี้อ๊อฟเลยเลือกอายชาโดว์สีชมพูมาเทสให้ดูกัน
ในรูปอ๊อฟจะบีบเนื้อโฟมออกมาเยอะหน่อยนะคะ แต่ของจริงบนใบหน้าเราไม่ต้องใช้เยอะขนาดนี้เนอะ
อ๊อฟจะทำการแบ่งฝั่งให้ชัดเจนโดยใช้อายชาโดว์สีชมพูมาทดสอบทั้ง Biore Speedy Micellar Cleansing Foam
และ Unbranded โฟมล้างหน้าทั่วไปอ๊อฟจะใช้ปริมาณของโฟมล้างหน้าในการทำความสะอาดเครื่องสำอางเท่า ๆ กันค่ะ
หลังจากนั้นจะทำการนวดวนโฟมล้างหน้าทั้งหมด 10 รอบ เท่าๆ กันแล้วล้างออก
ตัวโฟมล้างเมคอัพของบิโอเรแค่นวดสีของเมคอัพก็ละลายออกมากับโฟมเลย
ส่วนโฟมล้างหน้าทั่วไปยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นนอกจากจะเห็นสีของโฟมล้างหน้าและสีของอายชาโดว์ที่เข้มขึ้น
หลังจากที่ล้างออกแล้วจะเห็นได้ว่าโฟมล้างเมคอัพของบิโอเร ดูดจับเครื่องสำอางออกมาได้หมดจด
ไม่หลงเหลือคราบทิ้งไว้เลย ส่วนโฟมล้างหน้าทั่วๆ ไป ยังคงทิ้งคราบเครื่องสำอางหลงเหลือบนผิวอยู่
ดังนั้นถ้าใช้โฟมล้างหน้าทั่วๆ ไป ก่อนทำความสะอาดใบหน้า
อ๊อฟว่าต้องใช้เมคอัพรีมูฟเวอร์ทำความสะอาดก่อนถึงจะล้างเครื่องสำอางได้หมดจดค่ะ
แต่สำหรับคนที่ชอบขั้นตอนเดียวแนะนำโฟมล้างเมคอัพ
Biore Speedy Micellar Cleansing Foam นี่เลยล้างเมคอัพและสิ่งสกปรกออกได้หมดจดสุดๆ

มาถึงตรงนี้แล้ว บางคนอาจสงสัยว่าแล้วโฟมไมเซลล่า
โฟมล้างเมคอัพของบิโอเรสามารถล้างเครื่องสำอางบนใบหน้าได้หมดจดจริงหรอ ?
และถ้าไม่ใช้เมคอัพรีมูฟเวอร์ล่ะ….จะทำความสะอาดเครื่องสำอางได้ดีหรือเปล่า ?
วันนี้ไม่ต้องสงสัยแล้วเพราะนอกจากจะทดสอบประสิทธิภาพของโฟมล้างหน้าที่แขน อ๊อฟยังจะมาล้างหน้าให้ดูกันอีกค่ะ
เริ่มล้างหน้าด้วยน้ำเปล่า บีบโฟมล้างเมคอัพของบิโอเร Biore Speedy Micellar Cleansing Foam มา นวดๆ วน ๆ ให้ทั่วใบหน้า

ตัวไมเซลล่าในโฟมของบิโอเรเริ่มเปลี่ยนสีและดูดจับเมคอัพแล้ว จะเห็นว่าเนื้อโฟมจากสีขาวๆ เริ่มเปลี่ยนเป็นสีชมพูแล้ว
นวดๆ วนๆ ให้ทั่วใบหน้าแล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด เพียงแค่นี้เองขั้นตอนง่ายๆ
จะเห็นว่าล้างเครื่องสำอางออกมาได้สะอาดหมดจดโดยไม่ต้องใช้เมคอัพรีมูฟเวอร์เลย
มันดีอ่าาาา….สะดวกและประหยัดเวลาไปอีก จากผู้หญิงที่แต่งหน้าจัดเต็มคนเมื่อกี้ก็กลายเป็นอาหมวยไปทันที
มาถึงตรงนี้แล้วต้องบอกว่า Biore Speedy Micellar Cleansing  Foam ทำหน้าที่ดูดจับเครื่องสำอางได้ดีจริงๆ
ชอบตรงที่หลังล้างหน้าเสร็จแล้วผิวไม่แห้งตึง หน้ายังคงเนียนนุ่มชุ่มชื่นอยู่ ส่วนโฟมล้างหน้าแบรนด์ทั่วๆ ไป
แม้มีราคาถูกกว่าแต่ไม่สามารถล้างเครื่องสำอางออกหมดนะ แต่ถ้าอยากล้างออกในขั้นตอนเดียวและลดขั้นตอน
การทำความสะอาดใบหน้าอ๊อฟว่า Biore Speedy Micellar Cleansing  Foam ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง
ที่เหมาะกับสาวๆ สมัยนี้มาก ล้างเมคอัพออกง่ายและผลลัพธ์ก็คือล้างเมคอพสะอาดชัวร์ในล้างเดียวค่ะ
นอกจาก Biore Speedy Micellar Cleansing  Foam สูตร Moisture Soft สำหรับผิวแต่งหน้าที่ขาดความชุ่มชื่นแล้ว
เค้ายังมีอีก 2 สูตรด้วยนะ สีเขียว Acne Care สำหรับผิวแต่งหน้า ผิวมัน- ผิวผสมเป็นสิวง่าย
และสีม่วง Bright Up สำหรับผิวแต่งหน้า ผิวธรรมดา – ผิวผสมคล้ำเสีย
ขนาด 90 กรัม ราคา 120 บาท
ขนาด 40 กรัม (สำหรับสูตร Moisture Soft และ Acne Care)ราคา 60 บาท
มีวางจำหน่ายที่ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายทั่วไปและร้านค้าออนไลน์
https://www.facebook.com/Biorethailand
สวัสดีค่ะ วันนี้อ๊อฟจะมารีวิวเซรั่มปลาดาว Vivime ที่พี่สาวที่อ๊อฟเคารพนับถือ คร่ำหวอดอยู่ในวงการความงามส่งมาให้ลองใช้
เคยได้ยินผ่านหูมาเหมือนกันสำหรับ “เซรั่มปลาดาว” แต่ไม่เคยลองสักที วันนี้มีโอกาสได้ลอง เลยต้องขอลองสักหน่อย
พอลองมาสักพักใหญ่ๆ วันนี้เลยจะเล่าให้ฟัง ว่าใช้แล้วเป็นยังไงบ้าง
Vivime เซรั่มปลาดาว 1 ในเทคโนโลยีล่าสุดจากประเทศเกาหลีใต้ ประกอบด้วยสารสกัดคอลลาเจนจากปลาดาวที่ดีที่สุด
สูงถึง 70%  ซึ่งจะช่วยกระตุ้นคอลลาเจนให้กับผิว พร้อมทั้งยังบำรุงให้ผิวเต่งตึง ลดรอยเหี่ยวย่น ให้ผิวดูเด็กลงอย่างรวดเร็ว
ตัวแพคเกจจิ้งเค้าทำออกมาได้ดีเลย สีสันของขวดสวยงามดูน่าใช้ ที่สำคัญเป็นหัวปั๊ม กดออกมาใช้งานง่าย

(ผลิตภัณฑ์ไม่ใช่ขวดแก้วนะคะ อ๊อฟเผลอทำตก ตกใจแทบแย่ ดีนะไม่แตกไม่งั้นเสียดายครีมแย่)

ตัวเนื้อเซรั่มมีสีขาวใส ค่อนข้างข้นนะคะ ไม่ได้เหลวเป็นน้ำ แถมมีกลิ่นหอมอ่อนๆ อีกด้วย

(ราคา 1,290)

พูดถึงเรื่องการซึมซาบสู่ผิว ถือว่าทำได้ดีเลย ตอนยังไม่แห้งสนิท มันจะมีความหนึบๆ ที่ผิวเล็กน้อย
แต่พอแห้งแล้วผิวจะดูเนียนๆ ลื่นๆ น่าจับมาก (ไม่ได้ใช้เวลานานมากนะคะ)

หลังจากทดลองใช้มาพักใหญ่ เรื่องริ้วรอยอ๊อฟว่ายังคงต้องใช้เวลา แต่เรื่องความชุ่มชื้นของผิวทำได้ดีเลย
ผิวดูตึงกระชับขึ้น สำหรับใครที่สนใจลองเข้าไปดูที่เวปไซต์หลังของเค้าเนอะ ลองเสิร์ช เซรั่มปลาดาว Vivime ก็เจอค่ะ
สวัสดีค่ะ blog นี้เกิดขึ้นมาจากแฟนเพจที่มีการเรียกร้องเข้ามากันมาก ว่าอยากดูสกินแคร์ที่อ๊อฟใช้
บางคนไม่เชื่อว่าอ๊อฟอายุ 32 แล้วจริงๆ ทำไมหน้ายังดูเด็กอยู่ วันนี้อ๊อฟเลยเอาสกินแคร์ที่อ๊อฟใช้อยู่เป็นประจำ
มารีวิวให้ทุกคนได้ดูกัน แต่ก่อนที่จะไปดูรีวิว เอาหน้าสดของสาววัย 32 มาฝากกันก่อนเนอะ

อ๊อฟเป็นคนผิวผสมค่ะ ผิวค่อนข้างแห้งเป็นบางจุด ผิวตัวจะแห้งมากกว่าผิวหน้า รูขุมขนช่วงจมูกจะกว้าง
เพราะชอบบีบสิวเสี้ยน รอยดำรอยแดงจากสิวไม่ค่อยมี เป็นคนที่สิวขึ้นน้อยมาก จะขึ้นช่วงเป็นประจำเดือนเม็ดสองเม็ด
แพ้น้ำบาดาลถ้าต้องออกไปตจว. สิวผดจะชอบขึ้นบริเวณแก้มและหน้าผาก เป็นคนที่แพ้อะไรน้อยมาก
หลักๆ ปัญหาผิวของอ๊อฟจะเป็นผิวแห้งขาดความชุ่มชื้น และมีรอยคล้ำใต้ตา ผิวหมองคล้ำไม่กระจ่างใส
วันนี้อ๊อฟเลยรวบรวมเอาสกินแคร์ที่ใช้อยู่แล้วได้ผลดีมาฝากกันค่ะ
เริ่มกันที่ CUREL MAKE UP CLEANSING GEL หลังจากที่อ๊อฟเช็ดทำความสะอาดเครื่องสำอางเสร็จแล้ว
อ๊อฟจะใช้คลีนซิ่งตัวนี้ทำความสะอาดหน้าอีกที เป็นคลีนซิ่งที่เหมาะกับคนผิวแพ้ง่ายหรือคนที่มีผิวหน้าแห้ง
เนื้อเจลไม่หนืดเกินไป เจลจะเปลี่ยนเป็นน้ำนมล้างออกง่าย ไม่ทิ้งความมัน ล้างหน้าเสร็จผิวนุ่มไม่แห้งตึง
และยังคงให้ความชุ่มชื้นกับผิวได้ดีมาก แบรนด์นี้มีครีมอีกหลายตัวที่ใช้ดีด้วยนะ
มาต่อที่ครีมกันแดด อันแรกของ Mizumi  UV Water Serum 100% Non-Chemical SPF50+ PA+++
เป็นครีมกันแดดลูกรักเลยก็ว่าได้ ด้วยความที่ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ใช้ง่ายไม่แพ้ ไม่อุดตัน
เนื้อกันแดดบางเบา ไม่เหนียวเหนอะหนะ จึงเหมาะกับสภาพอากาศบ้านเรามาก ข้อเสียคือ ราคาสูงไปหน่อย
อีกตัวที่ชอบมากเป็นของ Biore UV Aqua Rich Watery Essence SPF50+ PA++++ ครีมกันแดดบีโอเรเป็นอีกแบรนด์
ที่ใช้มาตลอดเพราะราคาไม่แพงแต่คุณภาพดี ตัวสูตรใหม่ คือดีมาก เนื้อเอสเซนส์ทาง่าย สบายผิว กันแดดได้ดี

มากันที่เซรั่ม อ๊อฟใช้จะเป็นของ DR.WU  INTENSIVE RENEWEL SERUM WITH MANDELIC ACID 18%
มันเป็นกรดที่สกัดได้จากอัลมอนด์อะไรทำนองนั้น เป็นสกินแคร์จากประเทศไต้หวัน แต่มันได้ผลดีมากนะ
 เป็นเซรั่มที่ช่วยผลัดเซลล์ผิว สร้างเซลล์ผิวใหม่ให้แข็งแรงขึ้น  ไม่ทำให้ผิวบางลง
ช่วยกระชับรูขุมขนและทำให้ใบหน้าขาวกระจ่างใส อ๊อฟใช้แล้วรู้สึกผิวแข็งแรงมากขึ้นกว่าเก่า
ตัวนี้อ๊อฟจะใช้แค่อาทิตย์ละ 2 ครั้ง ตอนกลางคืนหลังล้างหน้าเสร็จเท่านั้นค่ะ
ตัวนี้ไม่พูดถึงไม่ได้เพราะเป็นเอสเซนส์ที่ถูกและได้ผลดีมากเช่นกันสำหรับ ZA TRUE WHITE ESSENCE LOTION
เป็นเอสเซนส์ที่ช่วยเรื่องความขาวกระจ่างใสได้ดีมากกกก ช่วงที่โดนแดดจัดๆ แล้วหน้าหมองคล้ำ
โดยเฉพาะหน้าผากนี่ดำไวกว่าตรงอื่น ใช้ตัวนี้แล้วผิวกลับมาขาวไวมาก เนื้อเอสเซนส์ซึมซาบไว
ไม่เหนียวเหนอะหนะ แถมยังทำให้ผิวชุ่มชื้นอีกด้วย
ตัวนี้ไม่มีไม่ได้สำหรับ Biotherm Life PlanktonTM Essence น้ำตบแพลงตอนชื่อดัง ตัวนี้ช่วยลดการอักเสบของผิวได้ดีมาก
เวลาที่หน้าเกิดไปแพ้อะไรมา เป็นผดผื่นหรือมีรอยแดงๆ  อ๊อฟจะใช้ตัวนี้ตบๆ เข้าไป ไม่กี่วันพวกรอยแดงก็จางลง
หรือผิวที่อักเสบก็หายไวขึ้น ใช้จนหมดขวดที่ 2 แล้ว ยังไงก็ต้องไปซื้อเพิ่ม ราคาสูงแต่คุ้มค่าแก่การลงทุนมาก
ผลลัพธ์นอกจากช่วยลดการอักเสบแล้ว ยังช่วยให้ผิวอิ่มฟู เด้ง ผิวละเอียด รูขุมขนเล็กและริ้วรอยตื้นขึ้น
มาถึงสกินแคร์ฝั่งเกาหลีบ้าง INNISFREE Green Tea Seed Serum  สำหรับอ๊อฟตัวนี้เป็นเซรั่มที่ช่วยบำรุงผิว
ในเรื่องของความชุ่มชื่นมากกว่า อ๊อฟจะใช้ตัวนี้บำรุงหรือทาตอนก่อนแต่งหน้า ด้วยความที่เนื้อเซรั่มมันบางเบา
ไม่เหนียวเหนอะหนะ ไม่ทำให้หน้ามัน บวกกับกลิ่นที่ดูเป็นธรรมชาติจึงรู้สึกผ่อนคลายเวลาทาตัวนี้
ตัวเด็ดสำหรับคนผิวแห้งอ๊อฟยกให้ตัวนี้เลย Clinique Moisture Surge ช่วยเติมน้ำให้ผิวได้ดีมากกกก
อ๊อฟเป็นคนผิวแห้งพอใช้ตัวนี้หน้าไม่แห้งไม่เป็นขุยเลย ผิวดูเต่งตึง ดูอิ่มดูฟู ดูสุขภาพดี ไม่รู้จะบรรยายยังไง
เอาเป็นว่าใช้แล้วชอบใช้แล้วดีเลยต้องซื้อเพิ่มอีกกระปุก
มาถึงสเปรย์น้ำแร่กันบ้าง อ๊อฟใช้ของ OGUMA ตัวนี้มันดีมาก หยิบเอามารีวิวบ่อยมาก ไม่ใช่แค่ช่วยเพิ่มความสดชื่น
หรือความชุ่มชื่นกับผิวอย่างเดียว ยังช่วยให้สิวผดเล็กๆ ยุบลงด้วยนะ ยิ่งตอนที่กลับมาจากตจว. แล้วแพ้น้ำ
ฉีดอัดเข้าไป หายไวมาก อันนี้ก็ต้องแล้วแต่คนนะคะ แต่สำหรับอ๊อฟมันเห็นผลจริง
มาต่อกันที่เคล็ดลับหน้าเด็ก คือ มาส์กชีท นั่นเอง อ๊อฟไม่ได้เน้นมาส์กชีทยี่ห้อไหนเป็นพิเศษนะคะ
เป็นคนที่ใช้มาส์กได้แทบทุกยี่ห้อ  ชอบซื้อเวลามีสูตรอะไรใหม่ๆ หลักๆ สูตรที่ชอบใช้คือ ช่วยบำรุงให้ความชุ่มชื่นและลดริ้วรอย
มาส์กวันเว้นวันเลยทีเดียว บางทีก็มาส์กตอนนั่งรถกลับบ้าน มาส์กวันละแค่ 15 นาที วันไหนที่ขี้เกียจทาครีมบำรุงผิว
อ๊อฟก็จะใช้มาส์กนี่แหละ แทนการบำรุง มาส์กบ่อยๆ มาส์กเป็นประจำอ๊อฟว่าช่วยบำรุงผิวได้มากเลย
มาต่อกันที่เรื่องของปากกันบ้าง  Laneige lip sleeping mask ตัวนี้เป็นมาส์กริมฝีปากที่ได้ผลดีมาก ปากแห้ง ปากแตก
ปากพัง มาส์กก่อนนอน โบกหนาๆ ทิ้งไว้ได้เลย ตื่นขึ้นมาแทบหายเป็นปลิดทิ้ง ปากเนียนนุ่มน่าจุ๊บมากกกก…ควรมี!!
 มาถึง สีผึ้งแม่เลียบ ตัวดังแห่งโต๊ะเครื่องแป้ง ตัวนี้ช่วยในเรื่องของปากอมชมพู ถูกแสนถูกเพียงแค่ 20 บาท
ไม่ได้ใช้แล้วแบบชมพูเว่อร์นะ มันชมพูแบบสุขภาพดี ดูเป็นธรรมชาติ ถ้าคนที่ปากคล้ำๆ จะดีขึ้น แต่ข้อเสีย คือ
ทาก่อนนอนจะหลอนมาก เพราะกลิ่นมันเหมือนน้ำอบ อ๊อฟเป็นคนชอบอ่านเรื่องผีก่อนนอน เวลาทาตัวนี้ก็จะหลอนๆ หน่อย
ต่อมาเป็นลิปบาล์มมะพร้าว COCOS Coconut Balm ลิปบาล์มมะพร้าว (สีขาว) ตัวนี้ไว้พกติดกระเป๋าเครื่องสำอางไว้ตลอด
มีกับแฟนคนละตลับ เพราะเป็นคนชอบกลิ่นหอมของมะพร้าว ใช้ทาบำรุงริมฝีปากก่อนทาลิปสติก
ตัวนี้ทาแล้วไม่เหนียวเหนอะหนะเหมือนเราทาวาสลีน ทาแล้วทำให้ริมฝีปากไม่แห้ง เวลาทาลิปจึงไม่ค่อยตกร่อง
อีกตัวเป็น Cocos Charcoal Scrub ลิปสครับที่มีส่วนผสมของชาร์โคล ตัวนี้ใช้สครับริมฝีปาก ช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว
ช่วยให้ปากที่แตกหรือแห้งเป็นขุยเนียนนุ่มขึ้น อ๊อฟใช้สครับอาทิตย์ละ 2 ครั้งค่ะ เวลาสครับจะใช้แค่นิ้วถูๆ วนๆ แค่นั้นเอง
แต่ถ้าปากแห้งมาก จะใช้แปรงสีฟันช่วยถูเบาๆ เอาเป็นว่าแพ้ของดำเลยชอบตัวนี้ 555
Lucas’ Papaw Ointment บาล์มมะละกอสารพัดประโยชน์ นอกจากจะเอามาทาปากแล้ว อ๊อฟยังชอบเอามาทาผิวเวลา
ผิวแห้ง ผิวลอกเป็นขุย เวลาผิวแตกมันจะมีอาการคันๆ อ๊อฟจะหยิบตัวนี้มาป้าย ที่สำคัญทาข้อศอก เข่าและตาตุ่มด้านๆ ได้อีกด้วย
เรียกได้ว่าทาได้ตั้งแต่หัวจรดเท้า คือมันดีย์มากกกก คุ้มค่าที่จะซื้อไว้ใช้
เรื่องของจ๊กกุแร้ เห็นอย่างนี้ก็มีช่วงเวลาที่เต่าเหม็นเหมือนกันนะ เป็นคนที่ใช้โรลออนแล้วเอาไม่อยู่
กลิ่นเต่าตีกับโรลออนผสมออกมาเวียนหัวมาก ปัญหาจบเพราะ เต่าเหยียบโลก นี่แหละ โปะๆ ทาๆ เข้าไปในจุ๊กกุแร้
ทั้งวันกลิ่นยังไม่ออกเลย ถูกและดีไปอีก ข้อเสียคือ ทาแล้วเหมือนเด็กเอาแป้งทารักแร้นี่แหละ เลอะติดเสื้อผ้าเต็มไปหมด
เรื่องของตัว บอกแล้วว่าเป็นคนผิวแห้งมาก มากแบบมากจนเป็นเกล็ดเลย ทาครีม ทาอะไรก็ไม่ ก็เอาไม่อยู่
หลังอาบน้ำตัวชุ่มๆ ต้องชโลมด้วย Bio-Oil ทันที ใช้แล้วชีวิตดีขึ้นมาก ผิวชุ่มชื่นขึ้นเยอะเลย
ช่วงเอวที่แสบๆ คันๆ เพราะผิวแห้งแตกเบาลงมาก ส่วนเรื่องรอยแตกอ๊อฟว่าต้องใช้เวลาอีกนานเลยค่ะ
หลังจากนั้นต้องโบกด้วยโลชั่นของ JerGens เท่านั้น เจอร์เก้นส์เป็นยี่ห้อเดียวที่เอาผิวแห้งแตก เป็นขุย เป็นเกล็ดอยู่
เพราะเนื้อครีมมีความเข้มข้นมาก ยิ่งสูตรที่เหมาะสำหรับผิวแห้งนะ ข้นคั่กเลย ทาแล้วจะเหนอะหนะผิวมาก
ไม่เหมาะกับคนที่ชอบอยู่ outdoor หรือไม่ได้อยู่ห้องแอร์ ไม่งั้นมีเยิ้มมีรำคาญผิวแน่นอน ใครผิวแห้งต้องมีตัวนี้ติดไว้นะ
ว่าด้วยเรื่องของการขัดผิว สิ่งนี้เป็นสิ่งเดียวที่ใช้ขัดผิวมาตลอด จากเด็กดำๆ คล้ำๆ ผิวก็ขาวใสขึ้น
ไม่ได้ขาวแบบคนขาวนะคะ เพราะอ๊อฟเป็นคนผิวสองสี แต่ขาวขึ้นกว่าเก่าเยอะมาก
แต่ก่อนใช้ยี่ห้อมะขามพะเยา เดี๋ยวนี้หาเจอแต่ตราแม่แสงดี แต่พอใช้แล้วอ๊อฟว่าคล้ายกัน
เป็นมะขามขัดผิวที่เค้าผสมมาให้เสร็จเรียบร้อย ไม่ว่าจะเป็น ขมิ้นเอย ไพรเอย นมสดเอย อะไรทำนองนี้
ไม่ต้องมานั่งผสมเองเหมือนเมื่อก่อน ใช้ขัดกับใยบวบอาทิตย์ละ 2 ครั้งก่อนนอน และควรหลีกเลี่ยงแสงแดด
ทาครีมกันแดดเป็นประจำ ผิวจะขาวใสขึ้น สมุนไพรไทยดีที่สุด
เรื่องของมือกันบ้าง อ๊อฟเป็นผู้หญิงที่มือแห้งและหยาบมาก Hand Cream ธรรมดาเอาไม่อยู่
เลยต้องใช้ตัวนี้ของ Shiseido UREA 10% CREAM เป็นยูเรียครีมเข้มข้นที่ช่วยลดความแห้ง ความหยาบกร้านของผิว

เอาไว้ทามือ ทาเล็บ ทาส้นเท้าก่อนนอน ใช้แล้วผิวนุ่มขึ้นเยอะมาก คนผิวแห้งมากๆ ควรมีติดเอาไว้สักกระปุก

พอบำรุงผิวดี การแต่งหน้าก็เป็นเรื่องง่ายขึ้น สำหรับวันนี้ต้องลากันไปก่อนนะคะ
สกินแคร์ที่อ๊อฟใช้อาจจะไม่ได้ดีและเวิร์คสำหรับทุกคน ผลลัพธ์ย่อมแตกต่างกันไป
ดังนั้นเลือกใช้ให้เหมาะกับตัวเองดีที่สุดไม่จำเป็นต้องแพง ถ้าใช้แบบไหนแล้วเหมาะได้ผลดีกับตัวเอง
นั่น คือ คุ้มค่าและได้ผลดีที่สุดแล้ว

จะดีแค่ไหนถ้าคุณมีกาแฟที่ชอบแล้วคุณทำมันได้ทุกที่ด้วยตัวคุณเอง

วันนี้ผมมีตัวช่วยใหม่จาก https://www.wacaco.com มันคือ “nanopresso” เครื่องกดกาแฟ espresso รุ่นใหม่

จากค่าย wacaco ที่เคยส่งรุ่นพี่อย่าง minipresso มาสู่ท้องตลาดและได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย

ในเรื่องของความสะดวกที่สามารถพกพาไปได้ทุกที่ อีกทั้งยังง่ายในการทำกาแฟ espresso  แต่รุ่นใหม่ต้องไฉไลกว่าเดิม

1. เพิ่มแรงอัดมากกว่ารุ่นเก่าในการสกัดกาแฟ จากเดิม 8 bar(116psi) รุ่นใหม่เป็น 18 bar(260psi)

2.ดีไซน์ใหม่ขนาดเล็กลง บวกกับการเพิ่มผิวรอยหยักทำให้จับถนัดไม่ลื่นเวลาหมุนถอดประกอบชิ้นส่วน

3.แทงค์น้ำบรรจุน้ำร้อนได้มากขึ้น

4.มีแปรงเพื่อทำความสะอาดมาซอกเล็กซอกน้อยให้ด้วย

ภายในกล่องมี  ตัวเครื่อง nanopresso, ถุงใส่ตัวเครื่อง nanopresso, คู่มือ 9 ภาษา (แต่ไม่มีภาษาไทย),

ใบรับประกัน(รับประกัน 1 ปี), สติ๊กเกอร์ของทาง wacaco มาให้ 2 แผ่น

ตัวเครื่อง nanopresso สามารถถอดแยกชิ้นส่วนต่างๆ ออกจากกันได้ ตามการใช้งานของแต่ส่วน

ภายในแทงค์น้ำจะมีช้อนสำหรับตักผงกาแฟและแปรงสำหรับทำความสะอาดมาให้ด้วย

ในส่วนของแทงค์น้ำสามารถถอดชิ้นส่วนแยกออกมาเป็นแก้วสำหรับใส่กาแฟที่กดออกมาได้เลย

(คือไม่ต้องพกแก้วไปก็ได้)

เริ่มต้นจากการตักผงกาแฟบดใส่ filter basket

**ผมลองใช้ผงกาแฟบดตั้งแต่ละเอียดเป็นแป้ง จนหยาบเหมือนน้ำตาล

ผลที่ออกมาดีที่สุดคือบดประมาณผงเกลือ ถ้าละเอียดแบบแป้งจะกดกาแฟออกมาได้ยากมาก

และถ้าหยาบแบบน้ำตาลกาแฟที่ได้จะมี crema ที่น้อย

ช้อนตักผงกาแฟสามารถใช้กลับด้านเพื่อเป็นตัว tamp ผงกาแฟให้แน่นได้อย่างพอดี

ทำความสะอาดรอบๆ filter basket ที่ใส่ผงกาแฟบดให้เรียบร้อย

ก่อนวางลงในตัวเครื่อง และนำส่วนหัวมาประกอบเข้าให้แน่น

ใส่น้ำร้อนในแทงค์น้ำ อย่าให้ระดับน้ำเกินกว่าเส้นที่มีภายในแทงค์

ประกอบส่วนแทงค์น้ำเข้ากับตัวเครื่อง

หมุนปลดล็อคตัวปั๊มแรงดันอากาศ

เริ่มปั๊มไปเรื่อยๆ จนมีกาแฟออกมา(ถ้าปั๊มมือเดียวไม่ไหว ก็ใช้สองมือช่วยครับ)

**การปั๊มส่วนใหญ่จะเริ่มมีกาแฟออกมาในครั้งที่ 8-12 ขึ้นอยู่กับความละเอียดของผงกาแฟบดและการ tamp

กาแฟที่ได้ออกมา บอกเลยว่าไม่ธรรมดาจริงๆครับ เพราะดูจากรูปที่ผมกดกาแฟออกมา

คือมันได้ perfect shot ที่มีทั้ง crema สีสวย และ body ที่แยกส่วนกับ heart

ถึงแม้ว่าในรูปส่วนของ body จะไม่ชัดเท่าไร ถ้าเทียบกับเครื่องราคาเป็นหมื่นเป็นแสนและมีไม่กี่ที่ที่คุณจะหาดื่มได้

ผงกาแฟบดที่เคาะออกมาจาก filter basket หลังจากกดกาแฟเสร็จ

ผลที่ได้แห้งดีคับ เป็นลูกสวยเชียว แต่ยังมีน้ำที่ค้างอยู่ในแทงค์น้ำและตัวเครื่องอยู่บ้าง

โดยรวมแล้วชอบเครื่อง nanopresso มากคับ เพราะกาแฟที่ได้ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ

อีกทั้งเรายังสามารถเลือกเล่นเมล็ดกาแฟจากที่ต่างๆได้อีกไม่รู้จบ

ตัวเครื่องไม่ต้องใช้ไฟฟ้า แรงมือล้วนๆ มีแค่ผงกาแฟบดกับน้ำร้อนก็ทำกาแฟ espresso ได้ง่ายๆ

ทำความสะอาดก็ง่าย เบา เล็ก พกพาสะดวกไปในทุกที่ น่าจะตอบโจทย์คอกาแฟหลายๆคนได้เป็นอย่างดี

แต่มีข้อเสียคือตัวเครื่องยังไม่มีขายในไทย ผมสั่งโดยตรงจากเวปไซต์  https://www.wacaco.com

และทางเวปไซต์จัดส่งให้ฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม สามารถเข้าไปดูราคาของทุกรุ่นได้ที่หน้าเวปไซต์โดยตรง

แต่ที่ผมเห็นมีขายในบ้านเราคือรุ่น minipresso เคยเห็นขายที่ homepro ครับ

ท่านใดสนใจลองหามาติดไว้ไม่เสียใจแน่นอนครับ

ใครบอกประเทศไทยมีฤดูร้อน ฝน หนาว อ๊อฟขอเถียงขาดใจ บ้านเรามีแค่ฤดูร้อน ร้อนมาก และ ร้อนม๊ากมาก
แม้ว่าจะยังไม่เข้าสู่เดือนเมษา แต่แดดบ้านเราก็แผดเผาจนแทบจะละลายแล้ว หรือต่อให้อากาศจะเย็นลง
หรือเข้าสู่ฤดูหนาว (ที่หนาวได้แค่ 3 วัน) การยืนอยู่ในที่ร่ม นั่งทำงานในออฟฟิศ หรืออยู่บนถนน
เราก็ยังได้รับรังสีอัลตราไวโอเลตหรือรังสียูวีในแสงแดดอยู่ดี เพราะฉะนั้นนอกจากจะใส่เสื้อผ้าที่ป้องกัน
แสงแดด กางร่มและใส่หมวกแล้ว สิ่งที่ขาดไม่ได้และควรให้ความสำคัญนั่นก็คือ “ครีมกันแดด” นั่นเอง

เมื่อผิวของเราได้รับแสงแดดโดยเฉพาะแสงแดดที่แรงมาก ๆ อย่างรังสี UVB เซลล์ผิวหนังของเรา
ก็จะสร้างเม็ดสีเมลานินเพิ่มมากขึ้น จนทำให้ผิวหนังมีสีคล้ำและดำขึ้น บางคนอาจเกิดปัญหาฝ้า กระ ตามมา
นอกจากนี้แสงแดดยังมีรังสี UVA ที่จะเข้าไปทำร้ายคอลลาเจนใต้ผิวทำให้ผิวของเราแห้งกร้าน
เกิดริ้วรอยผิวหนังเหี่ยวย่นหรือดูแก่ก่อนวัยอันควรอีกด้วย

ดังนั้นการทา ” ครีมกันแดด “ จึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก

และแน่นอนว่าพูดมาถึงขนาดนี้แล้ว จะไม่รีวิวครีมกันแดดได้ยังไงเนอะ
ต้องบอกเลยว่า บีโอเรเป็นครีมกันแดดที่อ๊อฟใช้อยู่เป็นประจำอยู่แล้ว และตอนนี้ทางบีโอเรเค้าก็มี
สูตรใหม่ Biore UV Aqua Rich Watery Essence SPF50+ PA++++  นวัตกรรมกันแดดกันแก่ขั้นสุด
ล่าสุดจากญี่ปุ่น กันแดดสูตรน้ำเนื้อบางเบาพิเศษ กันน้ำ กันเหงื่อ และเพิ่มประสิทธิภาพการปกป้องสูงสุด
ให้กันแดดติดทน ปกป้องลึกถึงคอลลาเจน ที่พร้อมให้อ๊อฟออกไปเผชิญแดดแบบไม่กลัวแก่ ไม่แคร์แดด
 15 กรัม ราคา 129.00 บาท
50 กรัม ราคา 420.00 บาท
85 กรัม ราคา  650.00 บาท
Strong UVA/UVB Block
ไม่กลัวแก่  ไม่แคร์แดด ด้วย  PA++++ ให้การปกป้อง UVA สูงสุด ไม่ให้ทำร้ายคอลลาเจน ผิวไม่แก่ก่อนวัย
ผิวไบร์ท ไม่หมองคล้ำ ด้วย  SPF50+ ปกป้อง UVB สูงสุด สาเหตุของผิวคล้ำเสีย และฝ้า กระ จุดด่างดำ
Very Water Resistance
ปกป้องผิวได้ต่อเนื่องและยาวนาน ด้วยสูตรพิเศษ กันน้ำ กันเหงื่อ
Watery Hydrate Essence
 ผิวสัมผัสที่ทุกคนชื่นชอบ ด้วยเนื้อเอสเซ้นส์ สูตรน้ำ บางเบาพิเศษ ซึมเร็ว

ผสานคุณค่าการบำรุงให้ผิวชุ่มชื่นด้วย Hyaluronic Acid, Royal Jelly Extract (สารสกัดนมผึ้ง) และ Mixed Citrus

กันแดดเป็นเนื้อเอสเซ้นส์ เนื้อบางเบา ซึมลงสู่ผิวไวมาก ที่สำคัญไม่ทำให้ผิวเหนอะหนะอีกด้วย

ด้วยความที่เนื้อเอสเซ้นส์บางเบามาก…มากจนสามารถทาทับเมคอัพระหว่างวันได้เลย
แถมเมคอัพเดิมของอ๊อฟที่แต่งมาก็ไม่ลบ ไม่ด่างและไม่เป็นคราบเลย…ฮือออ มันดีอ่าาาา
(ไม่มีครีมกันแดดยี่ห้อใดที่สามารถป้องกันรังสียูวีได้ 100% หรือป้องกันแสงแดดได้ทั้งวัน
ดังนั้นการทาครีมกันแดดซ้ำทุก ๆ 2-3 ชั่วโมง จึงเป็นสิ่งสำคัญ)
วันนี้อ๊อฟเลยจะมาเปรียบเทียบระหว่าง Biore UV Aqua Rich Watery Essence SPF50+ PA++++
กับครีมกันแดดแบรนด์ชั้นนำทั่วไปที่เราใช้อยู่เป็นประจำ ซึ่งมีเนื้อบางเบาและค่า SPF เท่ากัน
อ๊อฟจะทาครีมกันแดด Biore UV Watery Essence ที่แขนข้างซ้าย
และทาทับบนแผ่น Smart Sun ที่คาดไว้บนข้อมือด้วยค่ะ

(Smart Sun สายรัดข้อมืออัจฉริยะ ช่วยเตือนผิวจากแสงแดด)

ส่วนอีกข้างเป็นครีมกันแดดตามท้องตลาดทั่วไป อ๊อฟจะทาที่แขนข้างขวาเช่นเดียวกันค่ะ

หลังจากนั้นได้เวลาลงน้ำแล้วววว…ขอทดสอบประสิทธิภาพของการกันน้ำหน่อยซิว่ากันน้ำได้ดีแค่ไหน

แน่นอนว่าเด็กเมื่อได้ลงน้ำแล้ว มีหรอจะขึ้นง่ายๆ จ้างให้ก็ยังไม่ขึ้นหรอก ฮ่า ฮ่า ฮ่า
อากาศร้อน ๆ แบบนี้ขอดื่มน้ำมะพร้าวหน่อยเนอะ…ชื่นจายยย

แผ่น smart sun ข้างที่ทาบีโอเรยังคงไม่เปลี่ยนสี แสดงว่ากันแดดคงทนจริงๆ
และแล้วก็ครบ1 ชม. แต่เป็น 1 ชั่วโมงที่เจอทั้งแดดทั้งน้ำ แต่ถ้าสังเกตุ
สีของแผ่น smart sun ที่ข้อมือจะเห็นว่ามีความเปลี่ยนแปลงและแตกต่างเกิดขึ้นกันอยู่เหมือนกันนะ

บางคนอาจจะเห็นไม่ชัดหรือมองแล้วไม่เห็นความแตกต่าง
อ๊อฟเลยถอดสายข้อมือ Smart sun มาถ่ายแบบใกล้ๆ ให้ดูค่ะ

” จะเห็นได้ว่าข้างที่ทาครีมกันแดดบีโอเรบนแผ่น smart sun เริ่มเปลี่ยนเป็นสีครีมเพียงแค่เล็กน้อย

(ไม่รู้ว่าทาครีมไม่ทั่วหรือเปล่า ^ ^) ส่วนอีกข้างที่เป็นครีมกันแดดแบรนด์ชั้นนำทั่วไป

สีเปลี่ยนทั้งแถบ เริ่มเปลี่ยนจากสีเหลืองเป็นสีครีม สีครีมเริ่มเปลี่ยนเป็นสีชมพู 

 นั่นหมายถึงว่า ประสิทธิภาพกันแดดลดลงต้องทาครีมกันแดดเพิ่มและควรหลีกเลี่ยงแสงแดด “

หลังจากที่ตากแดดเล่นน้ำและทดลองใช้  Biore UV Aqua Rich Watery Essence SPF50+ PA++++ 
ต้องบอกเลยว่าชอบสูตรใหม่ตัวนี้มาก คุมมันได้ดีพอสมควร แถมทาทับเมคอัพได้อีก
จะเติมกันแดดระหว่างวันหน้าก็ไม่เป็นคราบ ไม่รู้สึกเหนียวเหนอะหนะ สบายผิวมาก
แถมประสิทธิภาพกันแดดยังดีเยี่ยมและติดทนนานอีกด้วย
พร้อมให้อ๊อฟกล้าออกไปเผชิญแดดแบบไม่กลัวแก่ ไม่แคร์แดด อีกต่อไปค่ะ
ทั้งนี้อย่าลืมให้ความสำคัญกับการเลือกใช้ครีมกันแดด ทาหน้า ทาตัว แล้วอย่าลืมทาคอด้วยนะคะ

” ใครไม่ทาครีมกันแดดหน้าเหี่ยว หน้าแก่ก่อนวัยไม่รู้ด้วยนะ…เออ “

สวัสดีค่ะ วันนี้อ๊อฟมีสวอชและรีวิวบลัชออนของ 4U2 LOVE ME MORE BLUSH มาฝากค่ะ
จริงๆ ทางแบรนด์เค้าก็ออกมาสักพักนึงแล้ว และอ๊อฟก็ได้มาทั้งหมด 20 สี ซึ่งจะบอกว่ามันเป็นอะไรที่น่ารักมาก
มีทั้งสูตรแมตต์ และชิมเมอร์  ทางแบรนด์เค้าบอกว่าครั้งนี้มากับสูตรใหม่ที่ไม่เหมือนทุกตัวที่เคยมีมา
เนื้อบลัชออนเนียนนุ่มละเอียดและเม็ดสีชัดสุด ครอบคลุมทุกสีผิว ทุกสไตล์ของผู้หญิง
ใช้ทุกวันเลย ตลับก็น่ารัก สีก็สวย แถมราคาก็ถูกมากๆ อีกด้วย เพียงแค่ 179 บาท
วันนี้อ๊อฟเลยเลือกสีที่ชอบที่สุดและบางตัวเป็นสีที่ขายดีมากที่สุดเช่นกันมาแต่งหน้าให้ดูกันค่ะ
ว่าจะออกมาเป็นประมาณไหน พร้อมแล้วไปดูกันเล๊ยยย
มาเริ่มกันที่สีแรก ที่อ๊อฟชอบมาก ปัดจนลายของบลัชออนเลือนไปเลย นั่นก็คือ สี S1 : YOU LOVE ME

เป็นบลัชออนที่มีประกายชิมเมอร์เล็กๆ สีม่วงอมชมพูตุ่นๆ เป็นโทนสีที่สุภาพแต่ปัดออกมาก็ดูหวานดี

สีต่อมา สีนี้ก็สวยมากกก เป็นสียอดฮิตของใครหลายคน S8 : YOU DREAM ABOUT ME
ตัวนี้เป็นบลัชออนโทนส้มที่มีประกายชิมเมอร์สีทอง ปัดออกมาแล้วสดใสมากกก

ต่อมาเป็นสี S4 : YOU KNOW ME เป็นโทนสีแดงอมส้ม ในรูปอ๊อฟว่าไฟอาจจะทำให้สีเพี๊ยนไปหน่อย

ของจริงมันจะแดงอมส้มมีชิมเมอร์วิ๊งๆ ประกายเล็กๆ สีทอง ปัดออกมาดูเด็กเลยทีเดียว

ต่อมาเป็นโทนสีน้ำตาล M0 : I FANCY YOU สีนี้เป็นสีน้ำตาลเนื้อแมตต์ ที่สวยมากเว่อร์

แต่งลุคน้ำตาลๆ แล้วปัด เติมกระนิดๆ น่ารักมากกกก นอกจากจะปัดแก้มแล้ว ตัวนี้ยังเอามาคอนทัวร์ได้อีกด้วย

สีสุดท้าย S0 : YOU FANCY ME ซึ่งเป็นโทนสีน้ำตาลเหมือนกันแต่มีชิมเมอร์เล็ก ๆ

ตัวนี้ปัดออกมาแล้วดู sexy มาก แต่งสีผิวแบบแทนๆ ยิ่งปัดยิ่งขับผิว เลิฟสุดๆ
พิเศษ สี Exclusive มีวางขายเฉพาะที่ร้าน @EVEANDBOY  4 สี ดังนี้ 
#M2 I MISS YOU
#M8 I DREAM ABOUT YOU
#S5 YOU ADORE ME
#S6 YOU WANT ME

https://www.facebook.com/4u2osmetics

สวัสดีค่ะ ไม่ได้ทำฮาวทูมานานมาก ส่วนมากจะอ๊อฟจะทำรีวิวสอนถ่ายรูปโน่นนั่นนี่มากกว่า
จนมีลูกเพจเรียกร้องอยากจะดูวิธีการแต่งหน้า ว่าแต่งยังไง แต่งแบบไหน ถึงถ่ายถ่ายรูปออกมาสวยเป๊ะ
วันนี้อ๊อฟเลยจะมาแชร์เทคนิคการแต่งหน้าและดูแลผิวเล็กๆ น้อยๆ ที่อ๊อฟใช้อยู่มาฝากกันค่ะ

ขั้นตอนแรกเลย การที่จะแต่งหน้าให้ติดทน ให้ผิวออกมาสวยนั้น สิ่งที่ควรให้ความสำคัญคือ ” การบำรุงผิว “
นอกจากทาครีมบำรุงผิวโน่นนั่นนี่เสร็จแล้ว สำหรับอ๊อฟเคล็ดลับก่อนแต่งหน้าอ๊อฟจะเติมน้ำให้ผิว
หรือพยายามทำให้ผิวมีความชุ่มชื่นมากที่สุด วิธีของอ๊อฟที่ใช้เป็นประจำคือ การมาส์กหน้าค่ะ
สูตรที่ใช้ก็จะเป็นพวกเพิ่มความชุ่มชื้นเพื่อให้ผิวดูชุ่มฉ่ำ เปล่งปลั่งและดูสุขภาพดี

หลังจากมาส์กหน้าเสร็จผิวของเราจะฟูๆ เต่งๆ ดูอิ่มน้ำขึ้นมาทันที
ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องทำเป็นประจำสม่ำเสมอด้วยนะคะ
ไม่อยากจะบอกเลยว่านี่คือผิวของคนอายุ 32 แต่บอกซักหน่อยเนอะ 555

หลังจากนั้นอ๊อฟจะใช้ UrbanDecay Quick Fix Spray Hydra-Charged Complexion Prep Priming Spray
ตัวนี้ใช้ปรับสมดุลให้กับผิว ช่วยเสริมความชุ่มชื้น บำรุงผิวให้กระจ่างใสและเรียบเนียนก่อนแต่งหน้า

เพื่อความรวดเร็วในการแต่งหน้าวันนี้ อ๊อฟเลือกใช้คุชชั่นของแบรนด์ FIIT Everyday Cushion
จริงๆ อ๊อฟเห็นมันมีหลายสูตรนะ แต่เพื่อผิวสวยเวลาจะถ่ายรูป อ๊อฟชอบให้ผิวมันดูโกลวๆ ฉ่ำๆ
เลยเลือกสูตร Healthy Glow มาค่ะ ตัวนี้เค้ามี SPF50+ PA+++ อีกด้วย

เบอร์ที่อ๊อฟใช้เป็นเบอร์ 02 Chou Cream เหมาะสำหรับผิวขาวโทนเหลือง ปกติจะไม่ค่อยชอบใช้คุชชั่น
เพราะสีของคุชชั่นไม่ค่อยตรงกับผิว มีแต่สีขาว ซึ่งทาแล้วหน้าลอยมาก แต่ยี่ห้อนี้คือดี ที่มีสีตรงกับผิว
และเนื้อคุชชั่นก็ดีเกินคาด เลยเลือกใช้แทนรองพื้นเพราะให้ผิวที่โกลวสวย ถ่ายรูปออกมาแล้ว
ดูเนียนเป็นธรรมชาติ ที่สำคัญสามารถพกไปเติมได้ระหว่างวันอีกด้วย

ตัวนี้ระดับความปกปิดปานกลาง ถ้าอยากให้หนาก็ค่อยๆ เพิ่มเลเยอร์ไปทีละชั้นค่ะ อย่างใต้ตาอ๊อฟ
ต้องการการปกปิดมากหน่อยก็จะค่อยๆ tap ไปเรื่อยๆ ใช้นิ้วเกลี่ยๆ ตบๆ เข้าไปค่ะ
จะเห็นว่าข้างที่ยังไม่ได้ทาผิวจะยังไม่เนียนเรียบ มีรอยคล้ำและรอยช้ำของใต้ตาอยู่
แต่ถ้าใครใต้ตาหนักจริงๆ แนะนำว่าควรใช้คอนซีลเลอร์ในการปกปิดค่ะ

หลังทาเสร็จก็จะได้ผิวแบบโกลวๆ แต่ไม่ได้โกลวมากจนหน้าเมือก หรือหน้าวาวจนเกินไปนะคะ
มันกำลังพอดีไม่แมตต์ ไม่ด้าน ไม่แห้ง ดูผิวสวยดีค่ะ

หลังจากนั้นใช้ดินสอเขียนคิ้ว อ๊อฟเลือกใช้ของแบรนด์ Guzzo Makeup รุ่น Sexy Duo
เนื้อดินสอนิ่มเขียนง่าย ตัวนี้เป็นดินสอเขียนคิ้วสองฝั่ง ด้านนึงเข้ม ด้านนึงอ่อน
สะดวกเวลาใช้ สีเข้มเขียนช่วงกลางถึงหางคิ้วส่วนสีอ่อนระบายช่วงหัวคิ้ว
หลังจากนั้นใช้แปรงปัดให้เข้ากันจะได้ดูเป็นธรรมชาติค่ะ

และพาเลทที่อ๊อฟเลือกใช้วันนี้เป็นของ The Balm มีชื่อว่า In The Balm Of Your Hand  Vol.02
ชอบพาเลทนี้มากเพราะมีครบทุกอย่าง ตา แก้ม ไฮไลท์ เฉดดิ้ง มีครบ แทบจะจบในพาเลทเดียวเลย
และโทนสียังละมุน สวยหวานแต่งเป็น everyday look ได้อีกด้วย
 ขั้นตอนการแต่งตาก็ไม่อยากเลยค่ะ ใช้สีเบอร์ 1 ที่อ๊อฟวงกลมไว้ให้ทาทั่วเปลือกตา

หลังจากนั้นใช้สีที่อ๊อฟวงกลมไว้เบอร์ 2 คัดเบ้าช่วงหางตาแล้วใช้แปรงเบลนให้สีฟุ้งๆ

หลังจากนั้นกรีดอายไลเนอร์ อ๊อฟใช้ของ Wynn Me Cosmic Eyeliner อายไลเนอร์หัวพู่กัน
สีดำสนิทตัวนี้กรีดง่ายมาก หลังจากนั้นติดขนตาปลอมให้ดวงตาดูหวานมากขึ้น

และขนตาปลอมที่อ๊อฟเลือกมาติดวันนี้คือ ของ  Blogger สาวสวยน้องคำคุณ KhumkhunDreamer นั่นเอง
เป็นขนตาปลอมที่ติดออกมาแล้วสวยมาก ติดง่าย แกนไม่บาดตา สวยอะ อันนี้แนะนำ อ๊อฟติดเบอร์ 04 ค่ะ

มาต่อกันที่การเฉดดิ้งกรอบหน้า จริงๆ แล้วเวลาถ่ายรูปถ้าไม่อยากให้หน้าแป้นหรือหน้าแบนจนเกินไป
เราควรสร้างมิติให้กับใบหน้าค่ะ นั่นก็คือ การเฉดดิ้งและไฮไลท์ นั่นเอง ตรงไหนที่เราอยากให้หุบเข้าไป
อยากให้เล็กก็เฉดดิ้งเลยค่ะ ฟาดเข้าไปของอ๊อฟเลือกเฉดตามกรอบหน้า แนวกราม หน้าผากและสันจมูกค่ะ

หลังจากนั้นดูดปากให้แก้มตอบๆ แบบนี้แล้วใช้แปรงปัดวนไปค่ะ ปัดให้มันเนียนกลืนไปกับผิว

หลังจากเราเฉดดิ้งเสร็จเราจะเห็นว่าใบหน้าดูมีมิติมากขึ้น ไม่แป้นแล้ว ซึ่งจะทำให้การถ่ายรูปออกมาสวยมากกก

มาถึงการปัดแก้มกันบ้างอ๊อฟเลือกใช้ทั้งหมด 3 สี เลยค่ะ เบอร์ 1 ปัดด้านในสุด ปัดเฉียงขึ้นไปแนวขมับ
เบอร์ 2 ปัดต่ำลงมาเป็นแนวเฉียงค่ะ และ เบอร์ 3 สีชมพูอ่อน ปัดบริเวณใต้ตาจนไปถึงหน้าแก้มค่ะ

หลังจากนั้นปัดวนไปเป็นแนววงกลม ปัดเบาๆ ไม่ต้องปัดหนักมือค่ะ ให้สีมันกระจายออกเป็นแนวกว้าง
ไม่เป็นขอบชัด จะได้ออกมาพวงแก้มออกมาดูธรรมชาติค่ะ

หลังจากนั้นปัดไฮไลท์จากพาเลทเดิมไปตามโหนกแก้ม สันจมูกหรือบริเวณที่กระทบแสงค่ะ
เวลาออกไปถ่ายข้างนอกเวลาโดนแสงจะได้ดูผิวสวยๆ หลังจากนั้นทาลิปสติกแบบจิ้มจุ่ม
สีแดงเข้มๆ แตะแค่ด้านในริมฝีปาก แล้วใช้นิ้วเกลี่ย เบลนให้ทั่ว สีจะออกมาดูเป็นธรรมชาติ

และนี่ก็คือ ลุคที่อ๊อฟชอบแต่งเวลาออกไปถ่ายรูปค่ะ โทนสีที่เลือกมาดูหวานละมุน
แต่งไปเที่ยวก็ไม่จัดจ้าน แถมถ่ายรูปออกมาสวยด้วยค่ะ เรียกว่าเป็นลุคที่อ๊อฟแต่งประจำเลยดีกว่า

และเทคนิคทั้งหมดที่อ๊อฟบอกไป เน้นย้ำเลยว่าควรบำรุงผิวให้มากๆ เพราะเวลาแต่งออกมา
จะดูผิวเนียนสวย ทุกอย่างต้องเริ่มต้นด้วยการบำรุงผิวก่อนเนอะ

จะถ่ายรูปให้สวย เสื้อผ้าพร้อมแล้ว อย่าลืมทำผมด้วยนะคะ วันนี้ขอแอ๊บเด็กมัดผมทรงสูง จะได้หางม้าน่ารักๆ
แต่งเสร็จมันก็จะออกมาประมาณนี้ค่ะ แต่ผมเนี่ยสงสัยต้องรวบขึ้นเพราะอากาศบ้านเรามันร้อนจริง ๆ
 วันนี้ออกไปหลายที่เลย แดดบ้านเราก็ร้อนเช่นเคย ปกติเวลาว่างส่วนใหญ่อ๊อฟกับแฟนจะชวนกันไปถ่ายรูปเล่น
หรือหาร้านกาแฟสวยๆ กินกัน ชีวิต blogger เรา เวลาออกไปไม่พกกล้องก็คงไม่ได้เพราะต้องอัปเดตโน่นนั่นนี่
ตลอดเวลาให้แฟนเพจได้ดูกัน วันนี้ก็เหมือนกันค่ะ เป็นอะไรที่ทำจนกลายเป็นชีวิตประจำวันไปแล้ว

อ๊อฟเป็นคนแต่งหน้ารอบเดียวค่ะ จะไม่พกหรือเติมอะไรระหว่างวัน อย่างดีก็แค่เติมลิปสติกหลังทานข้าว
ดังนั้นอย่างที่อ๊อฟบอกการบำรุงผิวหน้าหรือเลือกใช้เครื่องสำอางเป็นสิ่งสำคัญมากและแล้วตั้งแต่เช้าจรดเย็น หน้าเราก็ยังเนียนเด้ง ฉ่ำเว่อร์อยู่ แม้จะออกไปตลอนๆ ตากแดด
โดยที่ไม่ได้ซับหน้าหรือเติมแป้งเพิ่มเลย หน้ายังโอเคอยู่ จะมีบ้างก็ตรงที่ใต้ตาเลือนหายไป
โดยรวมถือว่าผ่านเลย สีไม่ดรอปไม่หมองระหว่างวัน และทั้งหมดก็เป็นเทคนิคและเคล็ดลับดีๆ
ที่อ๊อฟนำมาแชร์ ครั้งต่อไปจะมีอะไรมาแชร์อย่าลืมติดตามกันด้วยน้าาา สำหรับวันนี้ลาไปก่อนค่ะ

 

 

 

 

สวัสดีค่ะ blog นี้อ๊อฟกลับมาพร้อมกับฮาวทูแก้ปีชง ปี 2561 ซึ่งปีฉลู ปีเกิดอ๊อฟซึ่งตรงกับปีชงพอดี
หลายท่านอาจจะไม่เชื่อในเรื่องปีชง แต่สำหรับอ๊อฟเชื่อไว้ก็ไม่เสียหายเนอะ ทำเพื่อความสบายใจ
แต่ก่อนที่เราจะไปดูวิธีแก้ปีชง มารู้ความหมายของคำว่า “ชง ” กันเลยค่ะ

ปีชง (100%)  ได้แก่  ปีนักษัตร มะโรง

หรือคนที่เกิดตรงกับปี พ.ศ. 2471, 2483, 2495, 2507, 2519, 2531, 2543, 2555

ปีชงร่วม ได้แก่ ปีนักษัตร จอ, ฉลู, มะแม

หรือคนที่เกิดปี พ.ศ. 2462, 2465, 2468, 2474, 2477, 2480, 2486, 2489, 2492, 2498, 2501, 2504, 2510, 2513,

2516, 2522, 2525, 2528, 2534, 2537, 2540, 2546, 2549, 2552, 2558

คำว่า ชง ตามภาษาจีนแปลว่า การปะทะ ดังนั้น “ปีชง” จึงหมายถึงปีที่มีการปะทะ โดยความเชื่อเรื่องของปีชง
มีมาจากความเชื่อทางโหราศาสตร์ของจีน ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับ องค์เทพไท้ส่วย ที่เรารู้จักกันดีในนาม
เทพเจ้าผู้คุ้มครองดวงชะตา” ซึ่งชาวจีนให้ความสำคัญมาก ไม่ว่าชะตาชีวิตจะดีหรือไม่ดี ชาวจีนจะต้องไหว้
เทพเจ้าคุ้มครองดวงชะตา (ไท้ส่วยเอี้ย) เพื่อให้คุ้มครอง หากดวงชะตาชีวิตดีอยู่แล้วก็จะช่วยส่งเสริมให้ชีวิต
ดียิ่งๆ ขึ้นไป ถ้าชะตาชีวิตไม่ดีก็จะช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบา คุ้มครองป้องกันจากอุปสรรค
หรือภัยอันตรายทั้งหลายให้ผ่านพ้นไปด้วยดี

และวัดที่อ๊อฟไปแก้ปีชง นั่นก็คือ วัดเล่งเน่ยยี่ 2 หรือ วัดบรมราชากาญจนาภิเษกอนุสรณ์
ซึ่งตั้งอยู่ที่ ถ. บางกรวย-ไทรน้อย อ. บางบัวทอง จ.นนทบุรี อ๊อฟเชื่อว่าไม่มีใครไม่รู้จักที่นี่แน่นอน

เข้ามาถึงก็เดินมาทำบุญตรงที่เค้าให้ฝากดวงแก้ปีชง ราคาชุดละ  100  บาทค่ะ
หน้าตาของชุดฝากดวงแก้ปีชงก็จะเป็นแบบนี้ค่ะ เป็นกระดาษหงิ่งเตี๋ย หรือ กระดาษเงินกระดาษทอง
พร้อมเทียบแดง เขียนชื่อ-นามสกุล วันเดือนปีเกิดและเวลาเกิดค่ะ

ขั้นตอนนี้ก็ทำการเขียนชื่อ-นามสกุล ของตัวเองลงไป พร้อมวันเดินปีเกิดและเวลาเกิด
หากไม่ทราบเวลาเกิดให้เขียนคำว่า ” ดี “ ลงไปแทนค่ะ
ไม่ต้องกลัวว่าจะทำผิดขั้นตอนนะคะ เพราะทางวัดเค้ามีป้ายบอกวิธีการชัดเจน

หลังจากที่เขียนใบแก้ปีชงเสร็จ เราจะนำไปไหว้และฝากดวงชะตากับเทพเจ้าไท้ส่วยเอี๊ยกัน
จะใช้ธูปแค่ 3 ดอกจุดธูปเรียบร้อยแล้วเปิดด้านใน แล้วอ่านตามในใบเลยค่ะ อ่านเสร็จก็อธิษฐานด้วยนะคะ

หลังจากนั้น นำชุดไหว้มาปัดตัวตั้งแต่หัวจรดเท้า โดยปัดออกนอกลำตัว จำนวน 12 ครั้ง
เสร็จแล้วก็นำใบทั้งหมดที่ได้มา ไม่ต้องดึงกระดาษสีแดงด้านในออกนะคะ หยอดลงไปในกล่องแก้ปีชงเลยค่ะ

ภายด้านในยังมีองค์เทพและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ให้ได้กราบไหว้กันค่ะ
กราบไหว้ขอพรเพื่อเป็นสิริมงคลในชีวิตกันเนอะ

หลังจากที่ไหว้เสร็จก็นำธูปไปปักในกระถางให้เรียบร้อยเป็นอันเสร็จสิ้นพิธีการแก้ปีชง
เป็นยังไงคะ ง่ายใช่มั้ยหละขั้นตอนไม่ยุ่งยากเลย เดี๋ยวอ๊อฟจะพาไปทำบุญกันต่อที่ด้านบนค่ะ

วันที่อ๊อฟไปเป็นวันธรรมดา คนเลยไม่ค่อยเยอะ แต่วันที่ไปมีฝนตกเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคเลย
แค่ต้องระมัดระวังในการเดินเพราะพื้นกระเบื้องบางจุดมีน้ำขังอาจจะทำให้ลื่นล้มได้ค่ะ

นอกจากมาที่นี่จะได้ทำพิธีแก้ปีชงแล้ว สถานที่ก็ยังสวยงามเหมาะแก่การถ่ายรูปมาก ๆ ถ้ามาที่นี่ห้ามพลาดเลย
ควรเก็บรูปไว้เป็นที่ระลึก เพราะยังมีมุมสวยๆ อีกมากมายค่ะขึ้นมาชั้น 2 ข้างบนจะเป็นพระอุโบสถที่ประดิษฐานพระประธาน 3 พระองค์ พระศรีศากยมุนีพุทธเจ้า
พระอมิตาภพุทธเจ้า และพระไภษัชยคุรุไวฑูรย์พุทธเจ้าเป็นพระประธานที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

เดินมาข้างๆ ก็จะมีจุดให้ได้ทำบุญกัน เป็นการทำบุญด้วยเทียนเสริมโชคลาภ ราคา ชุดละ 100 บาทค่ะ

เทียนบูชาองค์พุทธเจ้า เฮงๆ รวยๆ ไปตลอดปีเลย

ในชุดเทียนจะมีเศษเหรียญมาให้หยอดใส่บาตรด้วยค่ะ หยอดให้ครบแล้ว จะเหลือเหรียญไว้ 2 บาท
ให้เก็บกลับบ้านเป็นขวัญถุงเพื่อสิริมงคลของชีวิตค่ะ

หลังจากทำบุญที่ชั้น 2 เสร็จ ยังเหลืออีกหนึ่งชั้น ตรงนี้ก็ถือว่าห้ามพลาดเลยมาแล้วต้องถ่ายรูปสักหน่อย

ชั้นสุดท้ายจะเป็นส่วนของโรงเรียนวัดบรมราชากาญจนาภิเษกอนุสรณ์ ด้านในจะมีวิหารที่ประดับไปด้วย
พระพุทธรูปองค์เล็กๆเต็มผนัง เป็นศิลปะที่งดงามมาก มากี่ครั้งก็ประทับใจ

หลังจากไหว้พระทำบุญเสร็จก็ถึงเวลาเดินชมความงดงาม ไม่ต้องไปถึงฮ่องกง
ที่ไทยก็มีวัดสวยๆ ไม่แพ้ประเทศใดเลย

ที่นี่เค้าเปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 น.
วันจันทร์ ถึง ศุกร์ ปิด 5 โมงเย็น ส่วนเสาร์-อาทิตย์ เปิดถึง 6 โมงเย็นค่ะ

และนอกจากฮาวทูการแก้ปีชงที่อ๊อฟนำมาฝากแล้ว อ๊อฟยังทำรีวิวลิปสติกสีแดงเสริมดวงมาให้สาวๆ ด้วยค่ะ
ซึ่งนอกจากจะช่วยเสริมดวงแล้ว ยังช่วยเสริมความมั่นใจเปิดรับโชคลาภและรับพลังงานดีๆ
ซึ่งอย่างน้อยผู้หญิงเราควรมีลิปสติกสีแดงติดไว้สักแท่งสองแท่ง และอ๊อฟก็คัดโทนสีแดง
มาให้แล้วว่าเนื้อดี ทาออกมาแล้วสวยปังแน่นอนค่ะ

และแท่งแรกที่อ๊อฟแนะนำเลยคือ LIPSTICK ยี่ห้อ GIRLACTIK MATTE LIP PAINT สี ICONIC  ค่ะ
อ๊อฟซื้อมาใน IG ของ Girlactik_thailand ราคา 850 บาทค่ะ
เป็นลิปจิ้มจุ่มสีแดงสดอมส้มเล็กน้อย แต่ทาแล้วขับผิวมาก เนื้อลิปดีงามมากกก
ทาแล้วไม่แห้ง ไม่ตกร่องหรือเป็นคราบเลย ตัวนี้เชียร์สุดพลัง

มาต่อกันที่ลิปจิ้มจุ่ม The Balm Meet Matt(e) Hughes สี Adoring เป็นอีกแบรนด์ที่ชอบมากกก
สีนี้เป็นสีแดงก่ำ เป็นสีแดงเข้มที่สวยมาก แถมมีกลิ่นหอมของมิ้นต์อีกต่างหาก

เม็ดสีแน่น ปาดทีเดียวก็กลบสีปากมิด ไม่แห้งไม่แตก ไม่ตกร่องอีกเช่นเคย ราคา 950 บาทค่ะ

มาต่อกันที่ํ YSL TATOUAGE COUTURE MATTE STAIN 01 Rouge Tatouage สีแดงอมส้ม
เพิ่งรู้ว่าลิปสติกแท่งละ 1,500 บาท มันดีงามขนาดนี้ หัวแปรงคือดีมาก เป็นหัวสีเหลี่ยมเอียงๆ สลัก ysl
ดูหรูหรามาก  ปาดทีเดียวสีแจ่มชัดมาก เนื้อลิปเนียนนุ่ม ไม่แมทมากจนเกินไป ทาบางๆ จะเหมือนทาทิ้นต์
ถ้าจะให้แมทสุดๆ ต้องทา 2-3 รอบ ตัวนี้อยากให้ไปลองกันจริงๆ

มาต่อกันที่ลิปสติกจากแบรนด์ Ustar คอลเลคชั่น Minnie Wonderpop Soft Matte Liquid Lip
กันบ้าง ลิปจิ้มจุ่มราคาน่ารัก แท่งละ 199 บาท แต่คุณภาพเกินราคา

เบอร์ 05 Red Wonder เป็นสีแดงสดแบบสดจริงๆ เนื้อลิปเนียนนุ่มมาก เป็นเนื้อแมทท์แบบกำมะหยี่ที่สวยมาก
เม็ดสีแน่น ปาดทีเดียวก็กลบสีปากมิด ติดทนพอสมควร

ต่อมาเป็นแบรนด์ COSLUXE Blooming Whip Lip & Cheek สี Burgundy Daisy
ตัวนี้ทาได้ทั้งแก้มและปาก ตัวนี้เอามาทาแล้วเกลี่ยๆ ด้วยนิ้วมือจะสวยมาก

มันจะได้โทนสีเบอร์กันดี้ ออกแดงตุ่นๆ ไม่ฉูดฉาดจนเกินไป เป็นแดงโทนอุ่นๆ ที่เกลี่ยออกมาแล้วสวยดีค่ะ
สนนราคาเท่งละ 198 บาท ได้มาตอนลดราคานะคะ ถ้าจำไม่ผิด

ยังมีอีกสีของแบรนด์ Cosluxe ที่ทาออกมาแล้วน่ารักนั่นคือรุ่น Ultra Matte  Curve Lipstick สี Blood Thirsty
เป็นลิปสติกเนื้อแมทกำมะหยี่ เนื้อลิปนุ่มชุ่มชื่นทาแล้วปากไม่แห้ง ทาแล้วใช้นิ้วปาดๆ เกลี่ยๆ
แล้วสวยดีค่ะ ราคาแท่งละ 299 บาทค่ะ

สุดท้ายเป็นแบรนด์ D O K สี Chaba 05 เป็นสีแดงโทนสว่างที่ทาออกมาแล้วขับผิวมาก ทาไปช่วงตรุษจีน
มีแต่คนถาม เนื้อลิปดีเกินคาด เม็ดสีแน่นมาก เป็นแดงที่ทาออกมายังไงก็สวย ยิ่งคนผิวขาวนะสวยมากกก
เป็นสีที่คุณเมย์ พิชนาฎทาไปออกอีเวนท์ช่วงตรุษจีนที่ผ่านมา ราคาแท่งละ 450 บาท
หวังว่ารีวิวนี้จะเป็นประโยชน์นะคะ ถ้าถูกใจกดไลค์กดแชร์ให้กำลังใจอ๊อฟด้วยน้าาา แล้วพบกันใหม่ blog หน้าค่ะ