Tag

Travel

Browsing

สวัสดีค่ะ ขอเริ่มภาพเปิดมาที่ดอกพญาเสือโคร่ง หรือ ซากุระเมืองไทย เลยละกัน ทริปนี้เป็นทริปที่วางแผนกันข้ามปี เนื่องจากซื้อเต้นท์มาใหม่เลยอยากไปลองของกัน คิดไปคิดมาถ้าจะกางเต้นท์ต้องวิวดีๆ หน่อย นอนมองดูดาว อากาศเย็นๆ เราเลยเลือกที่จะไปเชียงรายกันนั่นเอง

ด้วยความที่เราไปช่วงมกราก็ยังถือว่าโชคดีมากที่จะได้เห็นดอกพญาเสือโคร่งบาน เพราะเค้าจะบานถึงประมาณช่วง
 
เดือนกุมภาหลังจากที่ลงจากเครื่องบินก็ทำการเช่ารถ ทริปนี้เราจะเน้นอยู่กับธรรมชาติล้วนๆ จะไม่เข้าเมือง
 
ไปให้วุ่นวายจะใช้เวลาอยู่กับธรรมชาติให้มากที่สุด

ที่แรกที่เราจะไปคือ ภูชี้ดาว เป็นจุดที่ชมทะเลหมอกได้สวยที่สุดอีกที่ไม่แพ้ภูชี้ฟ้าเช่นกัน
 
แต่ที่อ๊อฟไปมันช่วงเวลาเที่ยงกว่าๆ 

เรียกว่าไปเซอร์เวย์ชมบรรยากาศกันก่อน แต่ถึงจะอากาศเย็นแดดที่นี่ก็ร้อนแรงไม่แพ้กัน
 
จะได้ภาพสวยต้องอดทนเนอะ ถ่ายวนไปค่ะจะขึ้นมาภูชี้ดาวนี่ไม่สามารถขับรถส่วนตัวขึ้นมาได้ต้องรถ 4×4 เท่านั้น
 
แล้วที่นี่ก็มีรถให้บริการขึ้นมาด้วยค่ะ ไม่แน่ใจว่าจ่ายไปเท่าไหร่น่าจะคนละร้อยกว่าบาทได้ ขึ้นไปต้องผ่านหมู่บ้าน
 
ทางค่อนข้างแคบและชันแถมข้างบนยังไม่มีไฟฟ้า ที่พักและร้านอาหารดังนั้นถ้าจะขึ้นไปควรจะเตรียมน้ำพกไปดื่ม
 
ระหว่างทางด้วย เพราะเราต้องเดินกันไกลพอสมควรเลยทีเดียวอีกอย่างจะเดินตรงนี้ต้องระมัดระวังด้วยนะคะ
 
ซ้ายก็เหวขวาก็เหวเดี๋ยวจะพลัดตกลงไป

ขึ้นมาด้านบนแล้ว อากาศดีมาก ท้องฟ้าแจ่มใสไม่มีหมอก ดูนี่จิมองเห็นยอดภูชี้ฟ้าเลย เราจะไปนอนกันตรงโน้น

จัดแจงกางเต้นท์ให้เรียบร้อย วันที่ไปเป็นวันธรรมดาดังนั้นคนที่จะมากางเต้นท์ก็ไม่มากเท่าไหร่ เรียกได้ว่าส่วนตัว
 
สุดๆอากาศมันหนาวมากจริงๆ เลยต้องเช่าเตาไฟซื้อข้าวโพดปิ้งมาประทังความหนาว ยิ่งสูงยิ่งหนาว ยิ่งดึกก็ยิ่ง
 
หนาวเช่นกันแต่จะบอกว่ามันโคตรคุ้มเลยบรรยากาศหลักแสนมาก ดาวเป็นดวงๆ ได้นอนมองดาวแค่นี้ก็สุขใจแล้ว
 
วันนี้ต้องรีบข่มตานอนก่อนเพราะอากาศมันหนาวมาก พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าเดินขึ้นไปดูพระอาทิตย์ขึ้น

เราตื่นกันแต่เช้าน่าจะประมาณตีสี่ตีห้าได้เพื่อจะเดินขึ้นมาดูพระอาทิตย์ขึ้น อากาศหนาวและคนก็ขึ้นมาค่อนข้าง
 
เยอะเหมือนกันต่างคนต่างจับจองที่จะถ่ายรูป บางครั้งมองผ่านกล้องมันก็ลดทอนความสวยงามของภาพ
 
ที่เห็นด้วยตาตัวเองเหมือนกัน
ภาพสวยก็ให้เป็นหน้าที่ของช่างภาพส่วนตัวไป ส่วนเราก็บันทึกความทรงจำ
 
และดื่มด่ำกับบรรยากาศตรงนั้นให้ได้มากที่สุด

สเน่ห์ของที่นี่อีกอย่างคือเราจะเห็นเด็กดอยตัวเล็กแก้มแดงๆ ยืนอยู่ข้างทางส่งเสียงร้องเพลงเจื้อยแจ้ว
 
หลังจากที่ดูพระอาทิตย์ขึ้นเสร็จแล้ว ด้วยความง่วงก็เดินลงมาเพื่อที่จะนอนต่อ บอกแล้วเราไม่รีบเราจะพัก
 
ผ่อนแบบสุดๆ สายๆ ค่อยออกเดินทางไปผาตั้ง เราจะเปลี่ยนที่นอนกันอีกแล้ว โปรดติดตามด้วยใจอันระทึก

มาต่อกันที่ผาตั้งที่นี่เค้ามีจุดชมวิวกันหลายจุด ไม่ว่าจะเป็นเนิน 102 กับเนิน 103
 
จุดชมวิวผาบ่อง จุดชมวิวช่องผาขาด ศาลาเก๋งจีน 
เอาเป็นว่าถ้าได้มาแล้วก็เดินให้ครบละกันจะได้ไม่เสียเที่ยวขึ้นๆ ลงๆ เดินไปเดินมาหลายรอบ
 
ว่าแต่ว่าแค่เดินรอบเดียวก็แย่แล้ว

มาถึงดอยผาตั้งแล้ว ไม่ถ่ายรูปถือว่าผิด จริงๆ ก็ไม่ผิดหรอกเนอะ แต่ก็ถ่ายสักหน่อยเค้าจะได้รู้ว่ามาถึงแล้ว
 
ก็บอกแล้วในส่วนของภาพสวยๆ ให้เป็นหน้าที่ของช่างภาพไป บีบๆ นวดๆ พี่เค้าเดี่ยวก็ใจอ่อน (รักนะจึงหยอกเล่น)

อย่างที่บอกว่ามีจุดชมวิวหลายจุด แต่ละที่ก็มีมุมให้ถ่ายรูปเล่นกันเพลินๆ
 
หลังจากถ่ายรูปกันเสร็จเดี๋ยวเราจะไปกางเต้นท์กัน

ตั้งแต่มาทริปนี้ยังไม่เสียตังค่าที่พักซักกะบาท คุ้มจริงๆ จะเรียกว่าประหยัดก็ไม่ใช่เพราะเราเอาเงิน
 
ไปจ่ายค่าตั๋วกับเช่ารถหมดแล้ว ฮ่าฮ่า

นอกจากเราจะได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นแล้ว เรายังได้ดูพระอาทิตย์ตกอีกด้วย แนะนำให้จับมือคนข้างๆ มาด้วยกัน
เพราะบรรยากาศมันโรแมนติกมาก สายลม แสงแดดและเกลียวคลื่น เอ้ยไม่ใช่ ลมหนาวๆ กับกอดอุ่นๆ ถึงจะถูก

แน่นอนว่าหนาวขนาดนี้ต้องก่อกองไฟเช่นเคย มันหนาวจนไม่รู้จะพูดยังไง หนาวขนาดที่ต้องพกผ้านวมผืนใหญ่

มาเลยมีผ้านวมผืนใหญ่แล้วชีวิตจะง่ายขึ้น จิบเบียร์เย็นๆ ก็ช่วยทำให้ร่างกายอุ่นเหมือนกัน

เค้าบอกมาไม่รู้เค้าไหน แต่อ๊อฟก็ยังหนาวเหมือนเดิมแน่นอนว่าน้ำเนิ้มต้องไม่ได้อาบทิชชู่เปียกเท่านั้น

หนาวขนาดนี้จะบ้าหรอ จะให้อาบน้ำยังไง เช็ดตัวแล้วไปนอนซะ เนื่องจากมันเป็นที่โล่ง กลางคืนลมจึงแรงมาก

เช่นกัน แรงจนเต้นท์สั่นเลยทีเดียว แต่ก็ผ่านไปด้วยดีสำหรับการนอนเต้นท์ของเรา

จะดีแค่ไหนที่ตื่นมาเจอฟ้าสวยๆ อากาศเย็นๆ แบบนี้ ใครที่ยังลังเลว่าจะมากางเต้นท์ดีมั้ย ขอร้องหละมาเถอะ
 
รับรองว่าฟิน บรรยากาศดี วิวดี ทุกอย่างมันดีไปหมด เก็บเงินแล้วจองตั๋วซะ ถ้าจะเที่ยวเหนือสักครั้ง
 
ก็เชียงรายนี่แหละ ที่ ” ต้องมา”
สวัสดีค่า ใครๆ ก็อยากดูเด็กกว่าอายุจริงใช่มั้ยคะ อ๊อฟก็เป็นหนึ่งในนั้น เป็นผู้หญิงที่มีเลขสามนำหน้า
แต่อยากดูเด็กอายุ 20 ต้นๆ ตลอดเวลาซึ่งไม่ได้มโนไปเองน้าาา เพราะส่วนมากคนก็จะทักว่า
อายุดูไม่เหมือน 31 เลย วันนี้เลยมีเคล็ดลับดีๆ ที่ทำเองมาฝากกันค่ะ
เคล็ดลับที่ 1 ” การทำสีและตัดผม ” ปกติอ๊อฟจะไว้ผมยาวมาตลอดไม่เคยคิดตัดสั้นเลย จนเมื่ออายุเริ่มมากขึ้น
หรือเรียกว่าเป็นสาวดีกว่าเนาะเลยมีความคิดที่ว่าถ้าไม่เปลี่ยนตอนนี้จะเปลี่ยนตอนไหน
ผมตัดสั้นแล้วก็ยาวใหม่ได้เป็นไร ไม่มีอะไรเสียหายนี่นา
ใครๆ ก็อยากเด็กลงเนอะ การตัดผมและทำสีช่วยได้จริงค่ะ จะตัดเป็น Long Bob ยาวเลยบ่าหรือตัดสั้นประบ่า
ก็สวยไม่แพ้กันค่ะ อยากให้เธอได้ลอง อิอิ
นอกจากจะตัดผมแล้วการทำสีผมนั้นก็ช่วยเพิ่มความสดใสให้อีกด้วยค่ะ อ๊อฟเลือกทำสีผมสีน้ำตาลเข้ม
แต่แอบซ่อนความเก๋ไว้ที่ผมด้านหลังตัดแล้วดูหน้าเด็กลงหลายปีเลย ส่วนร้านที่อ๊อฟตัดผมมีสาวๆ
หลายคนถามมาในแฟนเพจ อ๊อฟตัดและทำสีร้านนี้เลยค่า Tob1 Hair Station
เคล็ดลับที่ 2 การออกกำลังกาย คนออกกำลังกายยิ่งออกยิ่งดูเด็กลง แต่การออกกำลังกายนั้น
ถ้าหนักมากไปก็ส่งผลเสียต่อร่างกายเช่นกันค่ะการออกกำลังกายที่ดีนั้นไม่ว่าจะคาร์ดิโอหรือบอดี้เวท
ถ้าทำอย่างพอดีจะช่วยให้ผิวพรรณสดใส ใบหน้าดูเด็กลงและที่สำคัญหุ่นดีอีกด้วย
อ๊อฟจะออกกำลังกายอาทิตย์ละ 3 – 5 วัน วิ่งบ้าง ปั่นจักรยานบ้าง เล่นเวทบ้างสลับกันไปเพื่อไม่ให้เบื่อ
มีช่วงหลังๆ ที่ทิ้งการออกกำลังกายไปบอกเลยว่าพังมาก หุ่นเผละ ผิวพรรณไม่สดใส
จนตอนนี้ต้องกลับมากู้ร่างอย่างด่วนๆ
เคล็บลับที่ 3 การนอนหลับพักผ่อน อ๊อฟเป็นคนชอบนอนมาก แต่ก็ไม่ได้แบบว่าวันๆ จะนอนไม่ทำอะไรเลยนะคะ 
เป็นคนถ้ามีเวลาว่างตรงไหนจะแอบงีบตลอดเวลา อย่างน้อย 15 นาที ก็ยังดี เพราะตื่นขึ้นมาจะรู้สึกสดชื่นมาก
และเคล็ดลับง่ายๆ คือ นอนก่อนสี่ทุ่ม อ๊อฟเชื่อว่ายังมีคนอีกเยอะที่ทำไม่ได้ ไหนจะติดโซเชี่ยล เล่นเฟส
เล่นไอจีชอปปิ้งออนไลน์ อ๊อฟก็เป็นค่ะ กดไปแป๊ปๆ ปาไปตี 1 แล้ว แรกๆ เหมือนคนติดยาแต่เราต้องหักดิบ
เลิกนอนดึกให้ได้ในหนึ่งสัปดาห์ต้องมี 3 – 4 วัน ที่อ๊อฟนอนเร็ว ยิ่งเป็นคนไม่ดูละครแล้วสบายเลยค่ะ
เข้านอนไวตื่นมาก็สดชื่นแจ่มใสและที่สำคัญเมื่อนอนเร็วร่างกายก็จะหลั่งโกรทฮอร์โมน
ที่ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ สร้างการเจริญเติบโตให้เซลล์ต่างๆ ดังนั้นถ้าอยากหน้าเด็กก็อย่านอนดึก
นอนหลับพักผ่อนให้เป็นเวลา ลองทำกันดูนะคะ
เคล็ดลับที่ 4 อาหารการกิน ” you are what you eat ” ทานอะไรไปก็ได้อย่างนั้น อ๊อฟเลือกทานอาหารคลีนค่ะ
ซึ่งไม่ได้ตามเทรนด์อะไรเพราะอ๊อฟทานมานานแล้วหลายปีค่ะ อย่างที่บอกทานคลีนนั้นดีต่อสุขภาพเรามาก
ทำให้อ๊อฟเลือกทานมากขึ้น โดยเน้นทานให้ครบ 5 หมู่ทานให้หลากหลายทั้ง โปรตีน คาร์โบไฮเดรตและไขมันดี
หลีกเลี่ยงของมัน ของทอด ของหวาน แต่อ๊อฟก็ไม่ได้คลีนแบบสุดโต่งนะคะยังคงทานขนม น้ำอัดลมและไอติม
แค่พอทานคลีนแล้วทำให้เราเลือกมากขึ้น เลือกที่จะหยิบแต่สิ่งดีๆ ของดีๆ เข้าปากถ้าภายในเราดีก็ส่งผล
ต่อภายนอกด้วยค่ะ ดังนั้นเวลาจะทานอะไรขอให้คิดสักนิดนึง อาจจะดูเรื่องมากแต่ก็มีแต่ประโยชน์เนอะ
เคล็ดลับที่ 5 การดูแลบำรุงผิว ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าชีวิตก่อนนอนของผู้หญิงเราวุ่นวายมาก ไหนจะเดย์ครีม
ไนท์ครีมมอยเจอไรเซอร์ น้ำตบ อายครีมและอื่นๆ อีกมากมายที่เราต้องใช้ประทินผิวเข้าไป
ครีมอันไหนที่ว่าดีว่าเด็ดว่าดังทุกคนคงเคยมีกันมาแล้วอ๊อฟอยากจะบอกว่าใช้ไปเถอะค่ะ
บำรุงเข้าไปขอให้ถูกกับผิวหน้าเราก็พออย่าไปเสียดายเพราะครีมพวกนี้ช่วยได้จริงๆ
นอกจากพวกสกินแคร์ดูแลผิวจะสำคัญแล้วอีกหนึ่งที่อ๊อฟยกให้คือสูตรบำรุงผิวต่าง ๆ
มาสก์หน้าที่มาจากธรรมชาติ ไม่ว่าจะโยเกิร์ต น้ำผึ้ง แตงกวา มะเขือเทศ
ทำไปเถอะค่ะ อาทิตย์ละครั้งสองครั้ง ดูแลวันนี้ ภายภาคหน้าดีขึ้นแน่นอน
แต่ถ้าใช้ครีมก็แล้ว ทั้งมาส์กทั้งพอกทั้งทายังไม่ดีขึ้น การเลือกใช้บริการคลีนิคความงามก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง
ซึ่งนวัตกรรมเดี๋ยวนี้ไปไกลมาก เครื่องไม้เครื่องมือก็ทันสมัย ถ้ามีงบเข้ารับบริการตามคอร์สต่างๆ
ไม่ว่าจะหน้าใสกระชับผิวหรืออะไรก็แล้วแต่ช่วยดูแลผิวเราได้ค่ะ ศึกษาข้อมูลเยอะๆ แล้วไปลองทำก็ไม่เสียหาย
เพราะอ๊อฟก็ทำมาเหมือนกันจริงๆ แล้วยังมีเคล็ดลับอีกมากมาย
แต่เคล็ดลับนี้เป็นเคล็ดลับที่อ๊อฟคิดว่าทำแล้วได้ผลจริง