Category

Lifestyle

Category

ปกติแล้วกันแดดเป็นสิ่งที่อ๊อฟขาดไม่ได้เลย
เพราะอ๊อฟเป็นคนที่ทำกิจกรรมนอกบ้านบ่อยมากกก กันแดดที่ใช้ทาตัวส่วนมาก
ทาแล้วผิวจะแอบวอก และก็ค่อนข้างเหนียวเหนอะหนะ ไม่สบายผิว หลังๆ
อ๊อฟเลยไม่ค่อยทา สีผิวก็เลยไม่สม่ำเสมอ ทั้งหมองคล้ำ กระดำกระด่าง
ยิ่งเป็นคนที่ใส่นาฬิกาตลอด พอผิวคล้ำขึ้นจะเห็นได้ชัดเลยว่าสีผิวไม่สม่ำเสมอ
แต่อากาศร้อนแบบนี้ จะให้แต่งตัวมิดชิด ไม่ทากันแดด ก็ไม่ไหว
แต่ถ้าจะแต่งตัวแบบโชว์ผิว ก็ต้องเจอทั้งแสงแดดและมลภาวะ
ผิวยิ่งหมอง ยิ่งคล้ำเสียเข้าไปอีก ไม่ขาวจริงจังซะที

แต่ตอนนี้อ๊อฟไม่กลัวอีกต่อไปแล้ว เย้ๆๆๆ เพราะอ๊อฟมีตัวช่วยสำคัญในการปกป้องและบำรุงผิว นั่นก็คือ Biore UV Anti-Pollution Body Care Serum Intensive White SPF50+ PA+++กันแดดทาตัวไวท์เทนนิ่ง ขาวกระจ่างใสจริงยืนหนึ่งใน 14 วัน ปกป้องผิวเอาอยู่ทั้งแดดและมลภาวะ ที่สำคัญผิวไม่กลับไปหมองคล้ำอีก !!!!

Biore UV Anti-Pollution Body Care Serum Intensive White SPF50+ PA+++

  • ช่วยปรับผิวหมองคล้ำ จุดด่างดำ สีผิวไม่สม่ำเสมอจากรังสี UVA1, UVA2 และ UVB แบบ Ultra UV Protection ด้วย SPF50+ PA+++ ให้ผิวแลดูกระจ่างใสใน 14 วัน
  • บอกลาผิวแห้งเสีย ช่วยคงความแข็งแรงและยืดหยุ่นให้กับผิวชั้นนอกด้วย
  • มี Anti-Pollution Shield เกราะป้องกันผิวจากมลภาวะ ฝุ่น ควันและสิ่งสกปรกที่จะเข้ามาทำร้ายผิวคุณ
  • ช่วยปรับผิวให้ดูกระจ่างใสขึ้นด้วย Vitamin B3 และสารสกัดจากส้มยูซุ พร้อมบำรุงล้ำลึก ให้ผิวไม่แห้งกร้าน หลังออกแดดด้วย Moisturizing Pack และ น้ำแร่ธรรมชาติจากญี่ปุ่น
  • สูตรกันน้ำและกันเหงื่อ เหมาะกับใช้ในชีวิตประจำวัน

เนื้อกันแดดของ Biore UV ตัวนี้เป็นเนื้อเซรั่มที่บางเบามากกก
แถมยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ติดผิวเวลาทาอีกด้วย

ตัวเนื้อเซรั่ม ค่อนข้างลื่นและเกลี่ยง่าย หลังจากเกลี่ยไม่นาน เนื้อเซรั่มก็ซึมลงสู่ผิวทันที
ไม่เหนียวเหนอะหนะเลย สบายผิวด้วย อ๊อฟว่าเหมาะกับสภาพอากาศบ้านเรามาก สามารถใช้ได้ทุกวันเลย

เวลาที่ทาลงบนผิวจะรู้สึกได้ว่าผิวบริเวณที่ทาดูสว่างไบรท์ขึ้นระดับนึง แต่ไม่ได้ทำให้ผิววอกหรือลอยนะ

เห็นรอยนาฬิกาที่ข้อมือเค้ามั้ยยย เค้าเชื่อว่าเกือบทุกคนต้องมีรอยแบบนี้
หลังจากลองใช้ไปประมาณ 2 สัปดาห์ รอยนาฬิกาหายไปแล้ว สีผิวสม่ำเสมอขึ้น

สีผิวดูเท่ากัน แล้วก็แอบขาวขึ้นนิดนึงด้วยแหละ

กันแดดควรใช้ทุกวันนะเพื่อปกป้องผิวไม่ให้หมองคล้ำ ใครกำลังมองหากันแดดทาตัวแนะนำเลย
Biore UV Anti-Pollution Body Care Serum Intensive White SPF50+ PA+++
เป็นมากกว่ากันแดดเพราะช่วยปกป้องผิวจากทั้งแดดและมลภาวะ ออกไปข้างนอกทั้งวัน เจอทั้งแดด ทั้งมลภาวะ ฝุ่น ควัน กลับมาบ้านยังรู้สึกว่าผิวก็ยังขาวใสอยู่เลย
แถมมีไวท์เทนนิ่งที่ช่วยให้ผิวเรากระจ่างใส ขาวขึ้นจริงใน 14 วัน ไม่กลับไปคล้ำอีก

อย่าลืมไปหามาใช้กันน้าาา
50 มล. ราคา 129.00 บาท
150 มล. ราคา 290.00 บาท
หาซื้อได้ที่ร้านค้าชั้นนำทั่วประเทศ

สวัสดีค่ะ วันนี้อ๊อฟอยากจะบอกว่าตั้งแต่เขียนคอนเท้นท์รีวิว

ด้านความสวยความงามและสุขภาพมา คอนเท้นท์นี้เป็นอะไรที่ตรงกับความชอบ

และความถนัดของอ๊อฟที่สุดแล้ว นั่นก็คือ “ การนอน ” นั่นเอง จะบอกว่าอ๊อฟเป็นคนชอบนอนมาก

เป็นคนที่นอนได้ทุกที่ทุกเวลา คนรอบข้างอ๊อฟจะรู้ดีว่าอ๊อฟเป็นคนที่นอนเยอะมาก

ในรถก็จะพกหมอนพกผ้าห่มติดตัวไปตลอด คือมีหมอนก็พร้อมหลับได้ทุกที่ทุกเวลา

แต่ยิ่งนอนมากเท่าไหร่ก็ไม่สดชื่นเลยค่ะ รู้สึกเพลียตลอดเวลา

วันนี้อ๊อฟเลยแวะมาที่ Index Living Mall สาขาบางนาค่ะ เค้าบอกว่าที่ Perfect Sleep  เนี่ย

เค้าเปิดให้บริการเพื่อการเลือกสรรสร้างห้องนอนและการนอนอย่างครบทุกรูปแบบ

พอเข้ามาข้างในก็จะเห็นสินค้ามากมายที่ทาง Index Living Mall ได้คัดสรรสุดยอดแบรนด์นวัตกรรม

เรื่องการนอนชั้นนำของโลกจากประเทศสหรัฐอเมริกาอย่าง (PureCare)เพียวแคร์  

เข้ามาจำหน่ายรายแรกและรายเดียวในไทย โดยมีสินค้ามากมายหลายแบบ

เช่น เครื่องนอน ผ้าปูเตียง ปลอกหมอน ปลอกผ้านวม

แต่ที่สะดุดตาก็คงจะเป็นพวกหมอนนี่แหละคือ ไม่ได้ซื้อหมอนมานานมากกกก

พอมาเห็นว่าหมอนใบนึงเนี่ย มันมีคุณสมบัติอะไรมากมายขนาดนี้ อ๊อฟนี่ตื่นตาตื่นใจมากเลย

เดี๋ยวตามอ๊อฟไปดูกันค่ะ ว่าหมอนที่อ๊อฟพูดถึงมีอะไรบ้าง

Body Chemistry หมอนหนุนมีทั้งหมด  2 รุ่นด้วยกัน

รุ่น Elegance แกนกลางทำจาก Memory Foam ที่มีคุณสมบัติพิเศษ

ช่วยการกระจายน้ำหนักและลดแรงกดทับของผู้นอน

รุ่น Softcell Select สามารถเพิ่มความสูงได้โดยการใส่ไส้หมอนเพิ่มเข้าไป

มีความนุ่มฟูด้วยขนเป็ดเทียม โดยโครงสร้างแบ่งเป็นช่องๆ

และมีแนวยาวเพื่อรองรับส่วนต้นคอ

ซึ่งจุดเด่นด้านของเส้นใยธรรมชาติ “เซลเลียนท์” (CELLIANT) มีส่วนผสมจากแร่ธาตุธรรมชาติ

มาใช้ในการถักทอ เพื่อมอบสัมผัสที่นุ่มลื่นสบายผิว ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย เย็นสบาย

และช่วยคืนพลังขณะหลับ อีกทั้งยังช่วยเพิ่มระดับออกซิเจนในร่างกาย

ช่วยบรรเทาความปวดเมื่อย อาการตึงของกล้ามเนื้อ ทำให้หลับได้สนิทมากยิ่งขึ้น

BODY CHEMISTRY elegant pillow ราคา 1,990 บาท

SUB-O หมอนหนุนมีให้เลือกทั้งหมด 2 รุ่นด้วยกัน

คือ Softcell และ Down Combo

ด้วยเส้นใย Cooling Fiber ของตัวผ้าและเจลจะช่วยปรับอุณหภูมิและระบายความร้อนออกจากร่างกาย

ให้ผิวสัมผัสที่เย็นสบายผ่อนคลายขึ้นเหมาะกับคนที่มีอาการหัวร้อน ปวดไมเกรน

เพราะ FRIO เป็นหมอนที่ให้ผิวสัมผัสที่เย็นทำให้การนอนหลับสบาย หลับลึก

ช่วยผ่อนคลายและระบายความร้อนลดอาการปวดศรีษะ

SUB-O Down combo Pillow ราคา 2,990 บาท

SUB-O Softcell chill Pillow ราคา 2,990 บาท

Tempsync หมอนหนุนมีให้เลือกทั้งหมด 2 รุ่นด้วยกัน

TEMPSYNC Identically Down Medium pillow และ TEMPSYNC Softcell pillow

ความพิเศษของ Softcell มีความนุ่มฟูเป็นพิเศษด้วยขนเป็ด Softcell โดยโครงสร้างแบ่งเป็นช่องๆ

แต่ละช่องจะช่วยรองรับสรีระต้นคอได้ดีกว่า ซึ่งความพิเศษของ TEMPSYNC คือช่วยปรับอุณหภูมิร่างกาย

ให้สมดุลเพื่อให้เซลล์ในร่างกายได้ทำงานอย่างเต็มที่

TEMPSYNC Identically Down Medium pillow ราคา 2,590 บาท

TEMPSYNC Softcell pillow ราคา 3,590 บาท

OMNIGUARD ปลอกกันเปื้อนเป็น Protection คุณภาพสูงและยังคงให้สัมผัสที่นุ่มสบายของการนอน,

กันไรฝุ่นและแบคทีเรีย,กันน้ำได้ ดูแลรักษาได้ง่ายมีทั้งแบบปกคลุม 5 ด้านและ 6 ด้าน

ซึ่งคุณสมบัติพิเศษของผ้าปูที่นอนนอกจากเนื้อผ้ามีความยืดหยุ่นและกระชับรับเหลี่ยมที่นอน

พอดีขอบที่มีความหนา 30 cm. ยังรัดมุมไม่หลุดง่ายสัมผัสได้ถึงความตึงเรียบอีกด้วย

นอกจากผ้าปูที่นอนแล้วก็ยังมีปอกหมอนกันเปื้อน OMNIGUARD

pillow protector ราคาเพียง 490 บาท

นอกจากเค้าจะเค้าจะมีสินค้าให้เลือกซื้อมากมายแล้ว ใครที่มีปัญหาเรื่องนอนแล้วปวดหลัง

หรือนอนแล้วตื่นมาไม่สดชื่น ที่นี่เค้าก็สามารถช่วยแนะนำวิธีการแก้ปัญหาการนอนได้อีกด้วย

เรียกได้ว่าที่นี่เป็น ONE-STOP SERVICE  ที่ช่วยแก้ไขปัญหาการนอนด้วย 3 ขั้นตอนง่ายๆ

ขั้นตอนแรกก็จะทำแบบสอบถามซึ่งจะต้องกรอกข้อมูล เพศ อายุ ส่วนสูง น้ำหนักและไลฟ์สไตล์การนอน

ของเราเบื้องต้นว่าชอบนอนแบบไหนแล้วจะทำการประมวลผล

ซึ่งขั้นตอนนี้ใช้เวลาเพียงแค่ 5 นาทีเท่านั้นเองค่ะ

สนใจทำแบบสอบถามคลิกเลยค่ะ :  

http://bit.ly/2AIeltZ

ซึ่งที่นอนที่เหมาะกับอ๊อฟนั่นก็คือ ” ค่อนข้างนุ่ม  “

ทาง Perfect Sleep เค้าประมวลผลออกมาได้เป๊ะจริงๆ  อ๊อฟเป็นคนเสพย์ติดที่นอนนุ่มๆ แหะๆขั้นตอนต่อมาผู้เชี่ยวชาญทางด้านกายภาพก็จะตรวจโครงสร้างของสรีระโดยการตรวจวัดแนวกระดูกสันหลัง

และขั้นตอนสุดท้ายนั่นก็คือการทำ SLEEPSCANNING ด้วยอุปกรณ์ไฮเทคใหม่ล่าสุด

เพื่อวิเคราะห์หาที่นอนที่เหมาะที่สุด วัดการกดทับทุกจุดของร่างกายที่สัมพันธ์กับท่านอนได้อย่างแม่นยำ

ขั้นตอนนี้ชอบมากกก แค่ล้มตัวลงนอนเท่านั้นเอง เจ้าตัวเซนเซอร์ก็จะทำการตรวจหาแรงกดทับของร่างกาย

บนที่นอนเพราะการเลือกที่นอนผิดจะส่งผลกับสรีระการโค้งงอและการคดของกระดูกสันหลัง

ทำให้นอนหลับไม่สบายและเกิดปัญหาอื่นๆ ต่อไปในอนาคตค่ะขอเปลี่ยนท่าที่ถนัดก่อนเนอะ อ๊อฟเป็นคนชอบนอนตะแคงค่ะ

เดี๋ยวมาดูกันว่าที่นอนที่เหมาะกับการนอนของอ๊อฟและท่าทางการนอนของอ๊อฟ

เนี่ยมันจะสัมพันธ์กับที่นอนที่ทาง PERFECT SLEEP เลือกมามั้ย

และแล้วผลก็แสดงออกมาเป็นภาพสีว่าจุดไหนที่ร่างกายได้รับการกดทับมากที่สุด

จากภาพที่ออกมานี้นำมาประมวลผลเป็นตัวเลขและวิเคราะห์ออกมาได้อย่างแม่นยำ

ของอ๊อฟแทบจะไม่มีส่วนไหนกดทับมากเป็นพิเศษเลย สีที่ออกมาคือฟ้าและเขียว

นั่นหมายถึงว่าเป็นสัญญาณที่ดี มีการกระจายแรงที่เหมาะสม

ไม่มีส่วนใดส่วนนึงมีแรงกดทับมากเกินไป เรียกว่าหลับสบายหายห่วง

สำหรับใครที่มีปัญหานอนแล้วปวดหลัง นอนเท่าไหร่ก็ไม่สดชื่นแบบอ๊อฟ

ทาง PERFECT SLEEP เค้าก็มีบริการวิเคราะห์ปัญหาด้านการนอนโดยมีผู้เชี่ยวชาญด้านกายภาพบำบัด

ที่ผ่านการอบรมมาแล้วคอยให้คำปรึกษาแนะนำ ที่สำคัญไปกว่านั้นคือทุกอย่างที่พูดมาทั้งหมดเนี่ย

ฟรีหมดเลยแถมยังใช้เวลาไม่นานอีกด้วยส่วนที่ต้องจ่ายก็คือการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่นอนดีๆ หมอนดีๆ

ซึ่งทาง Index Living Mall สาขา บางนา และเกษตรนวมินทร์

ที่ Perfect Sleep เค้าก็มีผลิตภัณฑ์คุณภาพให้เลือกซื้อมากมายค่ะ

หรือสามารถสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ได้ที่:

http://bit.ly/2AMvW4d

สวัสดีค่ะ อย่างที่รู้กันว่าตอนนี้สภาพอากาศของบ้านเราแย่มาก อากาศถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่นละออง PM 2.5
ไปหมด ยิ่งแถวร่มเกล้า ลาดกระบัง สุวรรณภูมิ (แถวบ้านอ๊อฟเอง) นี่ไม่ต้องพูดถึงถูกปกคลุมไปด้วยหมอกจางๆ
ถ้าไม่ได้ติดตามข่าว บางคนอาจจะไม่รู้ว่าหมอกจางๆ ที่เรามองเห็นนั้น จริงๆ แล้วไม่ใช่หมอก
แต่มันคือฝุ่นควันที่มีมากจนเกินค่ามาตรฐานตามที่กรมควบคุมมลพิษได้ออกมาบอกไว้
หมอกหนาๆ ทึบๆ ที่เรามองเห็นนั้นเกิดจากค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ที่เกินมาตรฐานนั่นเอง
ตอนแรกอ๊อฟก็คิดว่าเป็นเรื่องไกลตัวไม่ได้สนใจอะไร แต่พอมารู้ว่าฝุ่นละออง PM 2.5 สามารถแพร่กระจาย
เข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ กระแสเลือด สามารถแทรกซึมเข้าสู่กระบวนการทำงานของอวัยวะต่างๆ
ภายในร่างกายและยังเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคเรื้อรังและมะเร็งได้อีกด้วย จึงต้องรีบหาทางเซฟตัวเองก่อน
ดังนั้นวันนี้อ๊อฟเลยจะมารีวิวหน้ากากกันฝุ่นละออง N95 ของแบรนด์ 3M ทั้ง 2 แบบ
ทั้งแบบมีวาล์วและไม่มีวาล์ว ในแง่ของการใช้งานว่าเป็นอย่างไร แตกต่างกันตรงไหนบ้าง
ปล. รีวิวนี้ไม่มีสปอนเซอร์นะคะ ซื้อเองใช้เอง บางคนอาจสงสัยว่าทำไมถึงเลือกใช้ยี่ห้อ 3M
ส่วนตัวอ๊อฟเลือกเพราะมั่นใจในคุณภาพของผลิตภัณฑ์ 3M หลายอย่างๆ จากที่เคยใช้มาค่ะ
เริ่มกันที่แบบแรก 3เอ็ม 9105 vflex หน้ากากป้องกันฝุ่นละอองมาตรฐาน N95
เป็นหน้ากากกรองอากาศ (Respirators) สำหรับป้องกันฝุ่นละออง PM 2.5 และ PM 10
มี 2 ขนาดให้เลือกคือ ขนาดธรรมดา (รุ่น 9105) และขนาดเล็ก (รุ่น 9105S) ที่อ๊อฟเลือกมาคือขนาดธรรมดานะคะ
บางคนอาจจะงงว่าใส่ยังไงเหมือนกับหน้ากากอนามัยทั่วไปมั้ย ยอมรับเลยว่างง ฮ่าๆๆๆ
เพราะไม่เคยใส่หน้ากากแบบนี้เลยแต่ด้านหลังซองเค้ามีวิธีใช้บอกอย่างละเอียดอยู่ค่ะ ใส่ตามได้ไม่ยากเลย
ซึ่งรุ่นนี้สามารถพับเก็บได้ จะเรียกว่าเป็นข้อดีก็ได้อะเพราะพกพาได้สะดวกสบาย
แนะนำว่าพับแล้วเก็บไว้ใส่ซองซิปล็อคแล้วใส่กระเป๋าดีกว่าเพื่อป้องกันฝุ่นในกระเป๋าด้วยค่ะ
ราคา 35 บาท (บรรจุ 1 ชิ้น)
หน้ากากมาพร้อมกับแถบโลหะที่สามารถปรับให้เข้ากับรูปหน้าได้ ด้านหลังเป็นยางที่คล้องรัดศีรษะ
2 สิ่งที่ผู้หญิงอย่างเราต้องระวังเป็นพิเศษ คือ
1. เครื่องสำอางที่จะเปรอะด้านในมาส์กเวลาที่เราสวมใส่ ระวังยังไงก็ยังเปื้อนคราบรองพื้นอยู่ดี T.T
2. ผมเผ้าอาจกระเจิงได้ถ้าไม่จัดทรงผมให้ดี อ๊อฟเสียเวลาในการใส่นานมาก T.T
หน้ากากรุ่นนี้มีประสิทธิภาพการกรองฝุ่นละอองที่มีขนาดเล็ก 0.3 ไมครอนได้ไม่ต่ำกว่า 95%
ขนาดค่อนข้างพอดีกับรูปหน้าใส่สบายไม่บีบรัดหน้า แต่ส่วนตัวอ๊อฟว่าหายใจค่อนข้างลำบาก
คนไม่เคยใส่ยิ่งไม่ชินแปปเดียวก็ต้องถอดออกแล้ว ยิ่งเป็นคนที่ชอบออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมกลางแจ้ง
และคนที่ชอบปั่นจักรยานหรือขี่มอเตอร์ไซค์ตามท้องถนนไม่ต้องพูดถึง หายใจลำบากแน่นอน
หน้ากากแบบนี้ส่วนตัวอ๊อฟว่าไม่ควรซักแล้วใช้ซ้ำนะคะเพราะอาจทำให้ประสิทธิภาพในการจับฝุ่นละอองลดลง
ถ้ารู้สึกว่าเริ่มดำหรือสกปรก หน้ากากผิดรูปควรเปลี่ยนอันใหม่จะดีกว่าค่ะ
แบบที่สองคือ 3เอ็ม N95 หน้ากากกรองอนุภาคพร้อมวาล์วระบายอากาศ (8511)
พิเศษด้วยวาล์วระบายอากาศ Cool Flow™
ประสิทธิภาพการกรองไม่น้อยกว่า 95% สามารถกรองฝุ่นละออง
และฟูมโลหะต่างๆ ที่ 0.3 ไมครอน (ยกเว้นละอองของน้ำมัน)
ราคา 149 บาท (บรรจุ 1 ชิ้น)
ข้อเสีย คือ รุ่นนี้ไม่สามารถพับเก็บได้ ตัวหน้ากากเป็นทรงถ้วย
มีแถบอลูมิเนียมอยู่ด้านบนและมีแถบโฟมบุอยู่ด้านในหลังแถบอลูมิเนียมเพื่อเพิ่มความกระชับให้รับกับรูปหน้า
ข้อดี คือ รุ่นนี้มีวาล์วระบายอากาศ ราคาสูงหน่อยแต่หายใจคล่องกว่าตัวที่ไม่มีวาล์วมาก
ข้อเสียอีกอย่างที่อ๊อฟพบเจอมาตลอดการใช้งานคือ แถบเหล็กข้างหลังหน้ากาก
ที่เย็บยึดตัวสายไว้มันกดทับข้างๆ ใบหน้าทำให้รู้สึกเจ็บ T.T
พอใส่แล้วจะบอกว่ารุ่นนี้ใส่แล้วรัดหน้าแน่นกว่ารุ่นที่แล้วอีก ใส่แล้วรู้สึกอึดอัด คับหน้า
แต่หายใจสบายกว่าตัวที่แล้วมากกกกกน่าจะเป็นเพราะตัวนี้มีวาล์วที่ช่วยระบายความร้อน
และความชื้นที่สะสมภายในหน้ากาก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าหายใจสบายกว่าตอนที่ไม่ใส่หน้ากากนะ
สายรัดเป็นแบบคล้องศีรษะกระชับและแน่นหนาดี
หน้ากากแบบนี้ไม่ควรซักเหมือนกันนะคะ ถ้ารู้สึกว่าดำหรือสกปรกควรทิ้งแล้วเปลี่ยนใหม่ค่ะ
สุดท้ายนี้ก็อยากจะบอกว่าปัญหามลภาวะจาก PM 2.5 มันไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไปแล้ว
นอกจากจะหลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้บริเวณริมถนนใหญ่ ใกล้ควันรถยนต์หรือบริเวณที่มีการก่อสร้าง
ควรเลือกหน้ากากอนามัยที่ป้องกันฝุ่น N95 ได้และต้องมีความละเอียดของเส้นใยที่สูงพอที่จะกรองฝุ่นเล็กๆ
ขนาด 2.5 ไมครอนได้ อย่างเช่นหน้ากาก N95 ที่มีขายกันหลากหลายยี่ห้อ ซึ่งจะสามารถกรองอนุภาค
ขนาด 0.3 ไมครอนได้ถึง 95% ส่วนพวกหน้ากากอนามัยธรรมดาที่ขายกันทั่วไปตามท้องตลาดนั้น
นอกจากจะกรองไม่ละเอียดพอแล้ว ยังไม่แนบชิดกับใบหน้าจึงทำให้อากาศผ่านเข้าออกได้ง่ายอีกด้วย
สรุปคือ ถ้าเป็นหน้ากาก N95 มันจะครอบตรงปากกับจมูกของเราแบบมิดชิดเรียกได้ว่าเวลาหายใจ
ผ่านหน้ากากนี้จะแบบอึดอัดแทบหายใจไม่ออก หรือไม่มีอากาศจากภายนอกเล็ดรอดผ่านขอบหน้ากากเข้ามา
ได้เลยจะมีแค่ลมหายใจเข้าออกจะผ่านหน้ากากเท่านั้น ที่สำคัญถ้าใช้หน้ากาก N95 ต้องใส่ให้ถูกวิธีด้วยนะคะ
ถ้าใส่ไม่ถูกหรือไม่มิดชิดก็จะทำให้ไม่สามารถป้องกันจาก PM 2.5 ได้อย่างเต็มที่
สวัสดีค่ะ กลับมาพบกับอ๊อฟอีกแล้วแน่นอนว่าต้องมีอะไรใหม่ๆ เด็ดๆ เจ๋งๆ
มาแนะนำกันอีกเช่นเคย วันนี้เรียกได้ว่าเปิดบ้านรีวิวกันเลย
พูดถึงบ้านช่วงเช้าถึงเย็นเนี่ยอ๊อฟจะชอบเปิดประตูและหน้าต่างทิ้งไว้
เพื่อให้ลมพัดผ่านเข้ามา แน่นอนว่าลมเย็นสบายทั้งวัน แต่ก็หอบฝุ่น สิ่งสกปรกและเชื้อโรค
เข้ามาในบ้านด้วย ไม่ว่าจะเป็นชั้นวางทีวี เครื่องเสียงลำโพงล้วนแล้วแต่มีฝุ่นเกาะทั้งนั้น
ฝุ่นในที่นี้คือที่เราสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าและเอามือลูบสัมผัสได้
แต่ยังมีเชื้อโรคและสิ่งสกปรกอีกมากมายที่เราไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า
ไม่ว่าจะเป็นขนสัตว์ ฮ่า ฮ่า ฮ่า เป็นปัญหาโลกแตกของคนที่เลี้ยงสัตว์เลี้ยง
ไม่ว่าจะเป็นน้องหมาและน้องแมว ต่างก็ประสบปัญหาเกี่ยวกับขนของเจ้าตัวยุ่งทั้งนั้น
และแน่นอนว่าอ๊อฟก็เช่นกัน ปัญหาคัดจมูกฟึดฟัดๆ ที่เกิดจากภูมิแพ้อากาศบวกกับขนแมว
เข้าไปอีก ทุกครั้งที่ตื่นนอนมาต้องคัดจมูกทุกที ดังนั้นวันนี้อ๊อฟเลยมีตัวช่วยที่ช่วย
ตอบโจทย์ปัญหาเหล่านี้ นอกจากจะให้ลมที่เย็นสบายแล้วยังทำให้สุขภาพของเราดีขึ้นอีกด้วย
และที่เห็นดีไซน์เก๋ๆ ล้ำๆ อยู่ตรงหน้าอ๊อฟก็คือ Dyson Pure Cool
พัดลมฟอกอากาศได้ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง “ รับรู้และดักจับกระจายอากาศ “
หลังจากนั้นจึงกระจายอากาศบริสุทธิ์ที่ผ่านการกรองแล้วให้เย็นไปทั่วทั้งห้อง
ถ้าพูดถึงเรื่องดีไซน์ต้องให้ Dyson เค้านะ ดีไซน์ทรงสูงแบบทาวเวอร์
ดูทันสมัยและประหยัดพื้นที่ในการวาง ไม่เกะกะ
และสามารถยกไปใช้งานในห้องต่างๆได้อย่างสะดวกสบาย
และด้วยเทคโนโลยีของ Dyson ที่ช่วยกระจายอากาศไปทั่วห้อง
ไม่ว่าห้องจะกว้างขนาดไหน อยู่คอนโด หรือ บ้าน
ก็ตอบโจทย์ผู้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
Dyson Pure Cool เค้าใช้เทคโนโลยี Air Multiplier
ช่วยปล่อยแรงลมอันนุ่มนวลและทรงพลังได้ถึง 290 ลิตรต่อวินาที
และผสานเข้ากับการหมุนส่ายถึง 350 องศา
เพื่อปล่อยและไหลเวียนอากาศบริสุทธิ์ที่ผ่านการกรองแล้วไปทั่วทุกมุมห้อง
ตัวฟิลเตอร์ในพัดลมฟอกอากาศได้ถูกพัฒนาขึ้นมาใหม่
เพื่อดักจับทั้งฝุ่นละอองและแก๊ส และเพิ่มประสิทธิภาพในการดูดซับ
แก๊สกลิ่นต่างๆควันพิษและสาร VOCs
พัดลมฟอกอากาศ Dyson Pure Cool สามารถรายงานคุณภาพอากาศบนหน้าจอ LCD
แบบเรียลไทม์เรียกได้ว่าตรวจจับและรายงานให้เรารู้ตลอดเวลาถึงสารมลพิษเป็นอันตราย
ที่อยู่ในอากาศ ระบบการกรองชั้นสูงของเครื่องช่วยให้สามารถดักจับได้ถึง 99.95%
ของอนุภาคสารมลพิษขนาดเล็กถึง 0.1 ไมครอน รายงานและเก็บสถิติ
แน่นหนาขนาดนี้ไม่เชื่อได้ยังไงเนอะ
มาพร้อมกับรีโมทขนาดกะทัดรัดที่ช่วยควบคุมการทำงาน ซึ่งใช้งานง่ายไม่ซับซ้อนเลยค่ะ
ปุ่มเปิด/ปิดการทำงานของเครื่อง
ปุ่มตัว i หน้าจอจะแสดงข้อมูลคุณภาพอากาศล่าสุดภายในห้องและยังสามารถ
ตรวจสอบอายุการใช้งานและการดูแลรักษาตัวกรองผ่านทางหน้าจอหรือทางแอพ
สามารถปรับความแรงของลมได้ตั้งแต่ระดับ 1-10 ถ้าระดับ 10 เสียงจะค่อนข้างดังค่ะ
โหมด Auto ถ้าตรวจพบว่าคุณภาพอากาศต่ำกว่ามาตรฐานก็จะฟอกอากาศให้อัตโนมัติ
โหมดสวิง สำหรับปรับมุมการส่ายของพัดลมฟอกอากาศได้ตั้งแต่ 45 ถึง 350 องศา
โหมดกลางคืนตั้งเวลาการนอนและตั้งค่าเสียงที่เบาที่สุดพร้อมหรี่ไฟ LCD ลง
นอกจากนั้นยังตั้งค่าเปิดเครื่องเวลานอนเพื่อปิดพัดลมฟอกอากาศเป็นระยะเวลา
นานเท่าไหร่ก็ได้ตั้งแต่ 1 – 8 ชั่วโมง
หมดปัญหาเรื่องรีโมทหายเพราะทาง Dyson เค้าทำที่เก็บรีโมทออกมาเพื่อสาวโก๊ะๆ แบบเรา
ที่ใช้รีโมททีหายที ไม่รู้ว่าใช้เสร็จแล้วไปวางไว้ที่ไหน แต่กับเจ้า Dyson ไม่ต้องเป็นห่วงไป
เพียงแค่หันเจ้ารีโมทเข้าด้านในแล้วแปะกับตัวเครื่องพัดลมที่โค้งๆ
ตัวแม่เหล็กก็จะดูดรีโมทให้ยึดติดกับตัวเครื่องค่ะ
นอกจากจะควบคุมการทำงานผ่านรีโมทแล้ว ด้วยความทันสมัยและเทคโนโลยีล้ำๆ ของทาง
Dyson สามารถควบคุมและตรวจสอบคุณภาพอากาศในบ้านได้จากทุกที่ทุกเวลา
โดยผ่านแอพ Dyson Link ซึ่งมีทั้งระบบปฏิบัติการ Android และ ios
เชื่อมต่อผ่านทาง wifi เพียงเท่านี้เราก็สามารถรู้ถึงอุณหภูมิและความชื้นที่อยู่ภายใน
บ้านและเปรียบเทียบกับอากาศที่อยู่ภายนอกบ้าน
หลักๆ อ๊อฟชอบความสะดวกสบายที่ไม่ต้องควานหารีโมทมากกว่า
เพราะเราใช้โทรศัพท์แทบจะตลอดเวลา สามารถหยิบขึ้นมาดูเมื่อไหร่ก็ได้
และยังปรับอุณหภูมิหรือตั้งเวลาเปิดปิดก็ทำได้ง่ายๆ ผ่านมือถือเลย
ขณะที่อ๊อฟกำลังเปิดเจ้าเครื่องนี้อยู่กลิ่นผัดกะเพราของแม่ก็ลอยออกมาจากครัวแต่ไกล
ทำให้อากาศภายในบ้านแย่ถึงกับขึ้น very poor เลย แสดงว่าไม่โอเคมากๆ
เมื่ออากาศแย่เราก็สามารถสั่งงานให้เครื่องฟอกอากาศ
อัตโนมัติได้ทันที รอไม่นานอากาศก็กลับมาดีและมีคุณภาพอีกครั้ง
และด้วยการออกแบบที่ไร้ใบพัด บ้านไหนที่มีเด็กหรือสัตว์เลี้ยงหมดห่วงได้เลย
ไม่เป็นอันตรายต่อคนในบ้านแน่นอน
มาถึงวิธีการดูแลรักษา ถ้าเป็นตัวเครื่องภายนอก
เพียงแค่ใช้ผ้าสะอาดเช็ดทำความสะอาดฝุ่นรอบตัวเครื่องง่ายๆ ก็เป็นอันเรียบร้อย
ไม่ต้องถอดออกมาล้างให้ยุ่งยากเลยค่ะ
และการเปลี่ยนตัวกรองใหม่ก็ง่ายมากผู้หญิงอย่างเราก็ทำได้เพียงแค่ถอดตัวกรองเก่าออกมา
แล้วเปลี่ยนตัวใหม่เข้าไปแทนที่ก็เป็นอันเรียบร้อย
ซึ่งระยะเวลาการใช้งานของตัวกรองก็มีระยะเวลาประมาณ 1 ปีค่ะ
และทั้งหมดทั้งมวลนี้ก็อยากจะบอกว่าเจ้าเครื่อง Dyson Pure Cool
ไม่ว่าจะแพ้อากาศ แพ้เกสรดอกไม้ แพ้ฝุ่นอะไรก็แล้วแต่ หรือมีปัญหาเกี่ยวกับทางเดินหายใจ
รู้สึกฟึดฟัดตอนตื่นนอน ตาบวม คัดจมูกน้ำมูกไหล
ก็ถือว่าเป็นการป้องกันหรือแก้ปัญหาทางต้นเหตุได้ดีอีกวิธีหนึ่ง
นอกจากนั้นยังเหมาะกับบ้านที่มีเด็กโดยเฉพาะเด็กแรกเกิดที่ภูมิคุ้มกันยังไม่แข็งแรง
หรือเด็กวัยกำลังซนชอบเอานิ้วแหย่พัดลม เจ้าเครื่องนี้ไม่มีใบพัดไม่อันตรายแน่นอน
และยังเหมาะกับคุณพ่อคุณแม่หรือผู้สูงอายุภายในบ้านเพราะภูมิคุ้มกันของร่างกายเริ่มอ่อนแอ
อาจทำให้ไม่สบายได้ง่าย การมีเครื่องฟอกอากาศเครื่องนี้ไว้ในบ้านก็ถือเป็นการ
ช่วยดูแลสุขภาพของคนที่เรารักได้อีกด้วยค่ะ
สำหรับคนที่สนใจเครื่องฟอกอากาศ Dyson Pure Cool
สามารถหาซื้อได้ที่ร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าและห้างสรรพสินค้าชั้นนำ
โดยแบบตั้งโต๊ะ (DP04) ราคา 19,900 บาทและแบบตั้งพื้น (TP04) ราคา 28,900 บาท
อากาศดีๆ แบบนี้อ๊อฟต้องขอตัวไปงีบก่อนน้าาาาา

สวัสดีค่ะ เมื่อเสาร์ – อาทิตย์ที่ผ่านมาอ๊อฟไปทำงานที่จังหวัดราชบุรีมา
คือตอนที่จะได้ไปที่ราชบุรีก็เคยเห็นข่าวเห็นรีวิวขนมจีนร้านนึงที่ผักเยอะมาก
เยอะอย่างกับร้านขายผัก เลยปักหมุดไว้ว่าถ้าได้ไปที่ราชบุรีต้องไปกินให้ได้
และก็คะยั้นคะยอให้แฟนพาไปจนได้ ตอนแรกที่ไปคิิวเยอะมาก ต่อคิวกันยาวสุดๆ
คนหลั่งไหลมาจากกระแสโซเชียล ไม่ว่าจะมาจากสังขละบุรี จากกรุงเทพ
ต่างตามมาจากรีวิวกันทั้งนั้น ที่รู้เพราะแอบไปกระซิบถามพี่คนที่เค้ายืนรอคิวกัน
ตอนรอคิวก็แอบคุยกับเจ๊ติ๊ก ซึ่งแกก็วุ่นอยู่กับการจัดคิวลูกค้าอยู่
ดูคนที่นั่งกินและที่ตอแถวรอสิ เอาวะ วันนี้ต้องได้กินกะเค้าซักที ไหนๆ ก็มาถึงแล้ว
ที่นี่นอกจากขนมจีนเค้าก็มีข้าวราดแกงขายด้วย แกงเยอะแยะน่ากินไปหมด
เย้ ใกล้จะถึงคิวแล้ว อ๊อฟมาถึงตอนบ่ายโมง คนมีมาเรื่อยๆ ไม่มีทีท่าว่าจะซาเลย
ที่นี่เค้ามีน้ำยา 4 ภาค ไม่ว่าจะน้ำยากะทิ น้ำยาใต้ น้ำยาป่า น้ำยาปลาร้า น้ำเงี๊ยว
แกงไตปลา น้ำยาน้ำพริก มีให้เลือกมากมาย
ยืนรอคิวตั้งนานในที่สุดก็ได้กินแล้ว อ๊อฟสั่งน้ำยาป่าผสมน้ำยาปลาร้า
ไม่ได้เยอะเฉพาะผักนะ เส้นก็เยอะ ลูกชิ้นก็ลูกใหญ่มาก สนนราคาจานนี้ 40 บาทค่ะ
ได้มาก็ไม่รอช้า เด็ดผักใส่จานด่วนๆ ผักเยอะมาก มีไม่ต่ำกว่า 10 ชนิด ผักชี ต้นหอม
ผักชีลาว ขมิ้นขาว ผักกาดดอง มะระ แตงกวา ผักบุ้ง ผักกาดขาว เยอะแยะนับไม่หวาดไม่ไหว
นั่งกินไม่สะใจ ต้องลุกขึ้นยืนไปตักผักที่ชอบ ที่นี่นั่งได้ประมาณสัก 10-20 คนเห็นจะได้
เอาเป็นว่านั่งๆ ยืนๆ ลุกเข้า ลุกออกเป็นเก้าอี้ดนตรีเลย
คือมันน่ากินมาก แต่กินแบบไม่มีความสุขอะ
กดดันเพราะคนยืนรอ จ้องมองตลอดเวลา 555
คนมาที่นี่ส่วนมาก นอกจากมากินตามรีวิวก็มาถ่ายรูปกันด้วยแหละ
เพราะร้านเค้าดัง ใครๆ ก็อยากมา
สรุปเลยละกันว่าถ้าใครชอบทานผัก ทานขนมจีนมาเถอ ะไม่ผิดหวัง ผักแน่นเยอะ
ผักเยอะ ผักสดมาก แต่ต้องเด็ดกินเองนะ เพราะบางอย่างไม่ได้หั่นมาให้
ส่วนเรื่องรสชาติที่ไปชิมมาทั้งหมด 3 น้ำยา
– น้ำยาน้ำพริกหวานมากกกก ไม่ค่อยเข้มข้นเท่าไหร่
– น้ำยาป่ารสชาติเผ็ดร้อน อร่อยใช้ได้
– น้ำยาปลาร้า หอมนัวปลาร้ามาก โดยรวมก็ถือว่าใช้ได้เลย ไม่ได้มีดีแค่ผักอย่างเดียว 
จริงๆ ถ้าคนไม่เยอะก็จะสั่งอีกหลายน้ำยามากิน เสียดายคนมารอเยอะมาก
สุดท้ายก็ขอแชะรูปกับเจ๊ติ๊กสักหน่อย แกบอกว่า ” มาถ่ายๆ กูชินแล้ว ” 555
คงมีคนมาถ่ายรีวิว มาถ่ายที่ร้านแกเยอะจริงๆ แต่แกพูดจาน่ารักนะ ไม่วีนไม่เหวี่ยง
แม้อากาศจะร้อน คนจะเยอะ แกก็อารมณ์ดีตลอด ใครชอบกินผักไปเถอะ อร่อย
พิกัดบริเวณแถวใต้ต้นโพธิ์ข้างสถานีตำรวจภูธรเมืองราชบุรี ตรงข้ามไปรษณีย์จังหวัดราชบุรี
สวัสดีครับ หลังจากที่กระทู้รีวิว เครื่องชงกาแฟแบบพกพา ที่ผมเคยเขียนไปทั้งในเวปไซด์และกระทู้พันทิป
ได้รับฟีดแบคดีมาก วันนี้ผมมีของเล่นใหม่มานำเสนอครับ
มันคือ เครื่องบดกาแฟมือหมุน ยี่ห้อ Timemore รุ่น Chestnut Slim แบรนด์ของทางฮ่องกง
ที่กำลังมาแรงในสายกาแฟ Slow Bar
สำหรับผู้ที่ชงกาแฟทานเองก็จะทราบอยู่แล้วว่าการบดเมล็ดกาแฟมีผลต่อรสชาติในการชงแต่ล่ะครั้ง
ก่อนหน้านี้ผมใช้เฟืองบดเซรามิกมาตลอดและคิดว่าเพียงพอสำหรับการชงแบบ Pour Over (drip coffee)
แต่ในบางครั้งเครื่องบดมือเฟืองบดเซรามิกก็ให้ขนาดของผงกาแฟที่ไม่เท่ากันจึงทำให้น้ำที่ไหลผ่านกาแฟ
ในแต่ละครั้งไม่เหมือนกัน และเลยไปถึงเวลาของการเทน้ำ ซึ่งจะกินเวลามากกว่าปกติ
และนั่นหมายถึงรสชาติที่จะเปลี่ยนไปแน่นอน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละบุคคล
ที่ผมกล่าวมาเป็นเพียงทฤษฎีขั้นพื้นฐาน ผมเลยลองศึกษาหาวิธีการที่จะทำให้การบดกาแฟในแต่ละครั้ง
ออกมาได้ใกล้เคียงกันที่สุด จนมายี่ห้อ Timemore ที่เป็นเครื่องบดกาแฟมือหมุน
เฟืองบด Stainless steel ในราคาที่จับต้องได้
ภายในกล่องประกอบไปด้วย ตัวเครื่องบด คู่มือสองภาษา ใบ Certificate ใบ Warranty และถุงผ้า
ตัวเครื่องถูกแพคมาอย่างเรียบร้อยและอยู่ในกล่องโฟมกันกระแทกอย่างดี
ตัวมือจับและฝาปิดเป็นชิ้นเดียวกัน (Handle & Lid) ซึ่งหัวมือจับเป็นชิ้นไม้แยกออกได้และติดกันด้วยแม่เหล็ก

ช่วงท้ายตัวเครื่องเมื่อหมุนแยกออกมีตัวปรับระดับความละเอียดของการบดกาแฟเป็นจุด (Point)

ตัวเครื่อง (Body) และตัวเก็บผงกาแฟ (Container) หมุนติดรวมเป็นชิ้นเดียวกัน
สามารถหมุนแยกจากกันด้วยเกลียว ไม่ต้องกลัวหลุดระหว่างบดกาแฟ
ซึ่งในรุ่นนี้ (Chestnut Slim G1 ) บรรจุเมล็ดกาแฟได้สูงสุดต่อครั้งคือ 20 กรัม
มี 2 สี คือ สีดำและสีทอง ผิวสัมผัสก็จะแตกต่างกัน

น้ำหนักตัวเครื่อง 420.4 กรัม ซึ่งอาจจะหนักกว่าเครื่องบดกาแฟมือหมุนทั่วไปที่เป็นเฟืองบดเซรามิก
เพราะรุ่นนี้เป็นเฟืองบด Stainless steel

นอกเหนือจากภายในกล่องแพคเกจทางบริษัท Timemore ยังมีแปรงทำความสะอาดมาให้อีกด้วย

เราลองมาดูภายในกันบ้างครับ อย่างที่บอกว่ารุ่นนี้เป็นรุ่นเฟืองบด Stainless steel
ชิ้นส่วนภายในก็จะเป็น Stainless steel เช่นกัน แต่โครงสร้างภายนอกเป็นอลูมิเนียมอัลลอย
รุ่นนี้เป็นเฟืองบดเริ่มต้น Stainless steel (G1)
ส่วนรุ่น Top เป็นเฟืองบด Carbon Steel Coated Titanium (G1S)

รายละเอียดชิ้นงานมีความปราณีตมาก ขนาดน็อตตัวบนสุดยังมีพิมพ์บอกบน-ล่าง

ภายในมีแหวนลูกปืนแบริ่งสองชั้นบน-ล่าง รองรับการหมุนของแกนกลาง
ทำให้การหมุนลื่นมาก

ต่อไปเราจะมาเปรียบเทียบเครื่องบดกาแฟมือหมุนที่ผมมีเรียงจากซ้ายไปขวา
ทั้งหมดนี้ขออนุญาตแฟนแล้วตอนซื้อ >.<
อันซ้าย คือ ยี่ห้อ FUJIMARU เฟืองบดเซรามิก
ตัวกลางคือ ยี่ห้อ Timemore รุ่น Chestnut Slim เฟืองบด Stainless steel ที่ผมเพิ่งรีวิวไปด้านบน
อันขวา คือ ยี่ห้อจากจีนแดง เฟืองบดเซรามิก

เรามาดูการทดสอบเปรียบเทียบระหว่างเฟืองบดเซรามิกและเฟืองบด Stainless steel กันคับ
ว่าจะแตกต่างกันขนาดไหน

เริ่มจากการใช้กาแฟในขนาดเท่ากัน 5 กรัม และใช้ความหยาบของเครื่องบด 10 จุด ซึ่ง 10 จุดนี้คือ
การหมุนปรับระดับของเครื่องบดให้ชิดสุดจนหมุนต่อไม่ได้แล้วหมุนย้อนกลับมา 10 จุด ผลที่ได้คือ

ผลที่ได้คือยี่ห้อ FUJIMARU ใช้การหมุนทั้งหมด 49 รอบ ส่วนยี่ห้อ Timemore ใช้  39 รอบ
และยี่ห้อจากจีนแดงใช้ 60 รอบ รอบยิ่งเยอะยิ่งใช้พลังงานเยอะและใช้เวลามากด้วยเช่นกัน

และผงกาแฟบดที่ได้นั้นก็ตามภาพเลยครับ

ผลที่ได้คือ เฟืองบด Stainless steel ให้ขนาดของผงกาแฟบดที่ดีและมีขนาดในการบดครั้งเดียวกัน
ได้ใกล้เคียงกันมากที่สุด อีกทั้งยังลื่นและหมุนง่ายกว่ามาก
ส่วนอีกสองยี่ห้อซึ่งเป็นเฟืองบดเซรามิกจะมีความละเอียดของผงกาแฟที่แตกต่างกันอยู่
 ทั้งเม็ดใหญ่ เม็ดเล็ก และผงแป้งรวมกันอยู่ แต่สองยี่ห้อที่เป็นเฟืองบดเซรามิกก็ยังมีความแตกต่างกัน
โดยยี่ห้อ FUJIMARU ยังทำได้ดีกว่ายี่ห้อจากจีนแดง

และผมยังใช้ยี่ห้อ Timemore ในการบดขนาดต่างๆ  ตัวอย่างในภาพคือ ฝั่งซ้าย 25 จุด
และฝั่งขวา 30 จุด ตัวเครื่องบดก็ยังทำได้ดีมีขนาดของผงกาแฟที่ใกล้เคียงกัน

” สรุปเครื่องบดกาแฟมือหมุนยี่ห้อ Timemore รุ่น Chestnut Slim เป็นเครื่องบดกาแฟมือหมุนที่บดเมล็ดกาแฟ
ออกมาได้ดีมากและที่สำคัญมันประหยัดแรงได้มากกว่าหมุนได้ลื่นมากกว่าขณะใช้งาน
อีกทั้งด้วยขนาดที่มีความเพรียวตามชื่อรุ่น (Slim) ก็ทำให้สามารถพกพาไปไหนมาไหนได้สะดวก
ซึ่งเพื่อนๆ คนไหนที่อยากขยับจากเฟืองบดเซรามิก
เป็นเฟืองบด Stainless steel ก็ถือว่ายี่ห้อนี้ทำได้ดีเลยครับ “
ปล. ผมไม่ได้สั่งซื้อจากในไทยนะครับ ผมสั่งซื้อจากเวปไซด์ Timemore โดยตรง + ค่าชิปปิ้งตกอยู่ประมาณ
  2 พันปลายๆ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความสะดวกของแต่ละบุคคลในเรื่องของการรอสินค้าและเรื่องความเสี่ยงของภาษี
แล้วพบกันใหม่ blog หน้านะคับ ขอบคุณครับ
http://www.timemore.com/about-us/?lang=en
สวัสดีค่ะ วันนี้อ๊อฟจะพาเพื่อนๆ ทุกคนไปทำของขวัญฝากเพื่อน ฝากแฟน ฝากพ่อแม่ ฝากคนรัก
ฝากลุงป้าน้าอา หรือจะฝากใครก็แล้วแต่ง่าย ๆ ที่ Pixipe บริการผลิตของขวัญและสินค้าไลฟ์สไตล์
ที่ B2S เซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งเราสามารถออกแบบและผลิตของขวัญหรือสินค้าได้ตามความต้องการ

จะบอกว่าง่ายเว่อร์ๆ เพียงแค่เรานำรูปมาอัปโหลดผ่านทาง pixipe ง่ายๆ แค่ 4 ขั้นตอน

แล้วสั่งปริ๊นท์ออกมาบนกระเป๋าผ้าปลอกหมอน แก้วน้ำ เคสมือถือ หรือเสื้อยืดที่นี่เค้าก็มีบริการหมด
หรือถ้าคิดไม่ออกจะทำรูปหรือลายกราฟฟิคอะไร ที่นี่เค้าก็มีลายให้เลือกหลายแบบจากครีเอเตอร์ชั้นนำมากมาย

แต่ละลายขอบอกว่า น่ารักสุดๆ ไปเลย

ที่สำคัญราคาไม่แพงด้วย อย่างกระเป๋าผ้าก็เริ่มต้นที่ราคา 190 บาทเท่านั้นเอง

อ๊อฟชอบลายนี้มากกก สายมูเตลูก็มา
ทำแค่แป๊ปเดียว 15 – 20 นาที ก็รอรับของได้เลย

สาวๆ ที่ชอบดีไซน์และครีเอทโน่นนั่นนี่ ขอบอกว่าสนุกมาก จะปรับเปลี่ยนลายตามสไตล์ตัวเอง

หรือเลือกเปลี่ยน font ก็ทำได้หมด ถูกใจทั้งผู้ให้ผู้รับ

และแล้วก็กระเป๋าของเราก็ออกมาแตกต่างกันเว่อร์ 3 คน 3 สไตล์ ไอเดียทำของขวัญน่ารักๆ แบบนี้มาทำได้ที่
Pixipe B2S CENTRAL WORLD แต่ถ้าใครไม่อยากออกมาก็สั่งทำง่ายๆ ผ่านทางเวปไซต์ออนไลน์ได้ที่ 

https://www.pixipe.com/

ชำระเงินแล้วรอรับของที่บ้านได้เลย สะดวกสบายสุดๆ
#B2SGiftDesignSpace
#B2SPixipe
สวัสดีค่ะ วันนี้อ๊อฟจะมารีวิวการทำ Fake Tan ง่ายๆ ด้วยตัวเอง ต้องบอกก่อนว่าจริงๆ
แล้วอ๊อฟเป็นคนผิวสองสีแต่ไม่ถึงกับคล้ำ เวลาถ่ายรูปออกมาผิวจะติดขาวๆ เหลืองๆ
ทำยังไงก็ยังดูไม่คมเข้ม สีน้ำตาลสวยๆ กับเค้าสักที
(สีผิวปกติ)
ช่วงที่โดนแดดเยอะหน่อยก็จะเข้มประมาณนี้ไม่ได้แทนเข้มเหมือนสาวเมืองนอกใน IG
ที่เวลาใส่ชุดว่ายน้ำถ่ายรูปออกมาจะแทนสวยมากกกกกก

อ๊อฟเลยตัดสินใจทำผิวแทนดูสักครั้ง แบบไม่ต้องไปนอนอาบแดด เพราะถ้าให้ไปนอนอาบแดดคงไม่ไหวจริงๆ
เลยเลือกใช้โฟมเปลี่ยนสีผิวเนื้อมูสของ Le Tan fast tan (Deep Bronze) Fake Tan แบรนด์ดังของออสเตรเลีย
ที่สาวๆ สายฝ. นิยมใช้กันมาก เป็นเฟคแทนแบบเนื้อมูสที่ราคาไม่สูงมาก อ๊อฟซื้อมาในไอจีประมาณ 7- 800 บาท
สีเข้มระดับนึงเลย ขนาดทำแค่รอบเดียว ข้อดีของตัวนี้หลังจากที่อ๊อฟได้ใช้ คือ เป็นเนื้อมูส เกลี่ยง่าย
มีกลิ่นเหมือนมะพร้าว (แต่แฟนอ๊อฟบอกว่าเหม็นเวียนหัว) โทนสีก็จะออกน้ำตาลแดงๆ
ซึ่งอ๊อฟว่ากำลังสวย ตัวนี้จะอยู่ได้ประมาณ 1 – 2 อาทิตย์ แล้วจะค่อยๆ หลุดลอกออกไปค่ะ
เวลาหลุดออกก็กระดำกระด่าง ดูน่าเกลียดเหมือนกัน ยิ่งผิวแห้งนะ หลุดเป็นเกล็ดๆ เลย
(หลังทำ Fake Tan)
วิธีการทำเฟคแทนด้วยตัวเองก็ไม่ยากค่ะ อ๊อฟเขียนขั้นตอนการทำมาเป็นข้อๆ ให้อ่านแล้ว
ขั้นตอนที่ 1. โกนขนบริเวณที่ต้องการทำผิวแทนเพื่อที่เวลาทำผิวจะได้ออกมาเนียนเสมอกัน
แต่ถ้าใครไม่ได้มีขนหนาๆ ดกดำหรือมีแค่ขนอ่อนๆ ก็ข้ามขั้นตอนนี้ไปได้เลยจ้า

ขั้นตอนที่ 2 สครับหรือขัดผิวก่อนที่จะทำ ขจัดพวกเซลล์ผิวที่ตายแล้วหรือเสื่อมสภาพให้หลุดออกไป
โดยเฉพาะจุดหยาบกร้านต่างๆ เช่น ข้อศอก หัวเข่า ตาตุ่ม และเท้า เพราะการสครับผิวจะทำให้ผิวเรียนเนียน
แทนเสมอกัน ส่วนตัวอ๊อฟชอบใช้กากกาแฟในการสครับผิว แอบไปเอากากกาแฟจากเมล็ดกาแฟสด
ที่แฟนบดด้วยเครื่องชงกาแฟมาขัดผิว ผสมกับขมิ้นขัดกับใยบวบ ขัดออกมาผิวเนียนผ่องเชียว
แต่ถ้าใครไม่มีกากกาแฟก็ใช้สครับที่เป็นกระปุกสำเร็จรูปตามท้องตลาดได้เหมือนกันค่ะ

ขั้นตอนที่ 3 ใช้ถุงมือทำผิวแทน ข้อนี้สำคัญมากกกกก ไม่อย่างนั้นฝ่ามือของเราจะเปลี่ยนเป็น “สีส้ม” ได้
ซึ่งมันตลกมาก มันส้มแบบส้มเลย เดี่ยวเค้าจะรู้ว่าผิวเราไม่ได้แทนแบบธรรมชาติ ฮ่า ฮ่า ฮ่า
ขั้นตอนที่ 4 ลงสีแทนที่ขาก่อนเป็นอันดับแรก เริ่มจากข้อเท้าขึ้นไปก่อน แตะบริเวณน่อง
โดยเริ่มจากบีบเนื้อมูสน้อยๆ ก่อน แล้วค่อยๆ ทาเป็นวงกลม ไล่ขึ้นไป หลังจากนั้นก็ตามลำตัว แผ่นหลัง
หน้าอก แขน ลำคอ ถ้ามีคนทาให้จะดีมากๆๆ เพราะมีบางที่ที่เราทาไม่ถึง อย่างเช่น แผ่นหลัง เป็นต้น
ข้อควรระวัง ควรเว้นพวกข้อเท้า ข้อศอก ข้อมือ และข้อต่อของนิ้วไว้ บริเวณนี้เราจะทาแค่นิดเดียว
เอาแค่เนื้อมูสที่ติดมากับถุงมือหลังจากทาตัวเสร็จ ป้ายเบาๆ เพราะบริเวณนั้น ผิวจะแห้งเป็นพิเศษ
จะทำให้ผิวสีแทนติดได้ดีขึ้น ดังนั้นทาแค่จางๆ บางๆ เบาๆ ก็พอคงไม่ดีแน่ถ้าข้อศอก ข้อเท้า ตาตุ่มออกมาดำปี๋
(หลังทำ Fake Tan)
ขั้นตอนที่ 5 ลงสีแทนที่ใบหน้าและลำคอด้วย ขั้นตอนนี้อ๊อฟจะลงแค่บางๆ เท่านั้นค่ะ
เพราะใบหน้าคล้ำง่ายอยู่แล้ว ลูบๆ บางๆ ทั่วใบหน้าและลำคอ อย่าลืมทาที่บริเวณหลังคอและใบหูด้วยนะคะ
ถ้าใครกลัวหน้าจะดำไป เลือกใช้รองพื้นที่มีสีเข้มแทนก็ได้ค่ะ
เคล็ดลับของอ๊อฟคือ อ๊อฟเลือกทำก่อนนอนค่ะ เปิดแอร์ให้เย็นฉ่ำ เพราะการทำผิวแทนนั้นควรทำในขณะที่ตัวแห้ง
ไม่ควรมีเหงื่อ เดี๋ยวผิวจะกระดำกระด่าง เดินแก้ผ้าโป๊รอบห้องไปก่อน 1 ชม. หลังจากนั้นก็ใส่ชุดนอนสบายๆ
แล้วนอนได้เลย ตื่นมาก็จะได้ผิวสีแทนสวยสมใจ ไม่เลอะเทอะติดเสื้อผ้าด้วย
ตื่นขึ้นมาก็อาบน้ำปกติแล้วทาโลชั่นบำรุงผิว อ๊อฟเป็นคนผิวแห้งเลยเลือกใช้โลชั่นของเจอร์เกนส์
ชอบสูตรนี้มากเพราะมีกลิ่นหอมมะพร้าว บำรุงผิวให้ทั่ว หลังจากนั้นทาครีมกันแดด
แล้วเตรียมเสื้อผ้าออกไปเฉิดฉายได้เลย

(หลังทำ Fake Tan)
พอผิวแทนแล้ว ถ่ายรูปออกมาก็สวยสมใจ พวกไลน์กล้ามเนื้อที่เราออกกำลังกายมาก็ดูชัดขึ้นกว่าเก่าด้วย

(หลังทำ Fake Tan)
ลองแต่งหน้าเป็นสายฝ. ถ่ายรูปออกมาก็ขึ้นกล้องสมใจ ส่วนตัวอ๊อฟจะทำเฉพาะเวลาไปเที่ยวทะเลเท่านั้นค่ะ
พอกลับมากรุงเทพฯ ก็ปล่อยผิวเป็นปกติ สำหรับรีวิวหน้าจะเป็นอะไร ไอเท็มไหนดี ไหนเด็ด
อย่าลืมติดตามกันด้วยน้าาา

 

สวัสดีค่ะ กลับมาพบกับอ๊อฟในเดือนที่ร้อนระอุแบบนี้จะเป็นเดือนอะไรไปไม่ได้นอกจาก “เดือนเมษา “นั่นเอง
และถ้าเดือนเมษายน สิ่งที่เราทุกคนรอคอยก็คือ “เทศกาลสงกรานต์” ซึ่งปีนี้อ๊อฟได้รวบรวมเอา
10 สิ่งที่ผู้หญิงต้อง(มี)เตรียมพร้อมเล่นสงกรานต์ 2018 จะมีอะไรบ้างไปดูกันเล๊ยยยย

1. ชุดเล่นสงกรานต์ ไม่มีอะไรจะเหมาะไปกว่าเสื้อลายดอก เสื้อฮาวายแบบ THE TOY อีกแล้ว
สำหรับเทศกาลสงกรานต์จะดอกเล็กดอกใหญ่ สีสันสดใสหรือสีพาสเทลก็อินเทรนด์ไม่มีเอ้าท์แน่นอน
” เสื้อ กางเกง รองเท้าแตะ แว่นตา ควรเตรียมให้พร้อมก่อนออกไปรบ(สาดน้ำ)”
และควรแต่งตัวให้รัดกุมเข้าไว้ จะเป็นเสื้อ over size หรือเสื้อยืดที่พอดีตัวก็น่ารักดีค่ะ
แต่ไม่ควรใส่เสื้อรัดรูปหรือกางเกงขาสั้นจนเกินไป เป็นการเซฟตัวเองไปในตัวด้วยเนอะ
2. ครีมกันแดด บางคนอาจจะชอบเล่นน้ำตอนกลางคืน แต่ก็ยังมีอีกหลายคนชอบบรรยากาศการเล่นน้ำ
ตอนกลางวันอยู่ และสิ่งที่เราขาดไม่ได้ถ้าจะต้องเล่นน้ำตอนกลางวัน นั่นก็คือ “ครีมกันแดด”
แน่นอนว่าทาหน้าทาตัวอย่างเดียวอาจไม่พอ ต้องเลือกครีมกันแดดที่กันน้ำกันเหงื่อด้วย
และยี่ห้อที่แนะนำสำหรับทาตัวคือ BANANA BOAT Sport  Sunscreen Lotion SPF50+ PA+++
ตัวนี้เหมาะมากสำหรับการทำกิจกรรมกลางแจ้ง กันแดดได้ดีมากกกกก ไม่คล้ำลงเลย แต่รุ่นนี้จะเกลี่ยยาก
และเหนอะหนะมากไปหน่อย ได้ข่าวว่าเค้ามีสูตรใหม่ที่ไม่เหนียวเหนอะหนะและซึมซาบเร็วออกมา
แต่อ๊อฟยังไม่ได้ลองเลย ไว้จะไปซื้อแล้วมารีวิวให้ดูกัน
และยี่ห้อที่แนะนำสำหรับทาหน้า Biore UV AQUA RICH Watery Essence SPF50+ PA++++
ตัวนี้เคยรีวิวไปอาทิตย์ที่แล้วเพราะเนื้อบางเบามาก ซึมซาบเร็ว เกลี่ยง่าย กันแดดกันน้ำได้ดี
สำหรับคนที่กลัวแพ้ อ๊อฟก็มีครีมกันแดด Cetaphil DayLong SPF 30 PA+++ ครีมกันแดด
สำหรับคนผิวมันและแพ้ง่าย ปราศจากน้ำหอมและพาราเบน ไม่อุดตัน ไม่มันเยิ้มแถมยังกันแดดได้ดีอีกด้วย

3. เมคอัพกันน้ำ เป็นสิ่งที่ผู้หญิงเราขาดไม่ได้เลย จะมาเปียกน๊งเปียกน้ำแล้วอายไลเนอร์ไหลเยิ้ม
มาสคาร่าเลอะเทอะก็ใช่เรื่อง ไหนจะเจอสงครามสาดน้ำ ถ้าเมคอัพหลุดคงไม่ดีแน่ๆ
วันนี้อ๊อฟเลยหยิบเมคอัพกันน้ำกับลุคแต่งหน้าง่ายๆ ที่ควรมีมาฝากกันค่ะ

1. fitt Cushion เป็นคุชชั่นที่สีเนียนพอดีกับผิว ปกปิดใช้ได้ ไม่หมองไม่ดรอปและไม่หลุดเมื่อโดนน้ำ
2. Cosluxe Browsup ดินสอเขียนคิ้วเนื้อเจลที่อึด ถึก ทน ทุกสภาพอากาศ สาดมาคิ้วไม่มีหายแน่นอน
3. odbo eyebrow cushion ที่เขียนคิ้วแบบคุชชั่น อ๊อฟเอามาไล้ดั้ง เฉดกรอบหน้า ติดแน่นติดทน
4. Cosluxe Bloomy Whip #Redrose ทาได้ทั้งแก้มและปาก ได้แก้มและริมฝีปากแดงแบบระเรื่อๆ
5. Maybelline MAGNUM Bigshot มาสคาร่าที่โดนน้ำแล้วไม่เหมือนสาวร้องไห้เวลาโดนเท ไม่เยิ้มไม่แพนด้า
6. Wynn Me Cosmic Eyeliner อายไลเนอร์หัวพู่กันเส้นเล็กติดแน่นทนนาน กรีดง่ายไม่เลอะเทอะ

หลังโดนน้ำแล้วก็ยังเป๊ะอยู่ สาวๆ ควรมีเมคอัพกันน้ำติดไว้นะจ๊ะ

4. ปืนฉีดน้ำ จะไปเล่นน้ำแล้วจะขาดปืนฉีดน้ำได้ไงเนอะ เลือกกระบอกที่เล็กๆ ไม่ต้องใหญ่มาก
เวลาเดินไปจะได้ไม่หนักหรือเทอะทะเวลาที่ต้องเข้าไปเบียดเสียดผู้คนเยอะๆ

และไม่ควรใช้ปืนฉีดน้ำแรงดันสูง เพราะอาจทำให้เกิดอันตรายได้ค่ะ เล่นแค่พอหอมปากหอมคอพอเนอะ

5. กระเป๋ากันน้ำ หรือ ซองใส่โทรศัพท์มือถือ อันนี้สำคัญมากกก เพราะสามารถป้องกันมือถือและของสำคัญเราได้

แนะนำว่าพกแบบกระเป๋าไปเลย จะสะพายแบบเก๋ๆ หรือคาดเอวแบบแนวๆ ก็ดีแถมยังใส่ของได้อีกหลายอย่างด้วย

6. ของที่ขาดไม่ได้ที่อ๊อฟพูดถึง นั่นก็คือ พวกบัตรประชาชน บัตรประกัน เงินและยาประจำตัว ยาดม ยาหม่อง
หรือพลาสเตอร์ยาที่ควรมีพกติดไว้ หรือสาวๆ ที่ใส่คอนแทคเลนส์เล่นน้ำ อาจเกิดมีอาการระคายเคืองตา
ควรพกตลับและน้ำยาคอนแทคเลนส์ติดเอาไว้ค่ะ หรือถ้าจะให้สะดวกเลือกคอนแทคเลนส์
แบบ One Day ที่สามารถใส่แล้วทิ้งได้เลย

7. ผ้าเช็ดหน้า หรือ ผ้าขนหนูผืนเล็กๆ อันนี้ก็สำคัญและไม่ควรมองข้ามเหมือนกันค่ะ
เพราะบางทีเราอาจจะโดนแป้งหรืออะไรเลอะหน้าหรือเข้าตา พกผ้าไว้คอยเช็ดหน้า
หรือคอยเช็ดผมให้แห้ง เดินเล่นน้ำทั้งวันหวัดจะได้ไม่ถามหา

8. ผ้าอนามัยแบบสอด คงไม่ดีแน่ถ้าวันที่เล่นน้ำแล้วเป็นประจำเดือน อย่าลืมเลือกใช้ “ผ้าอนามัยแบบสอด”
แทนแบบแผ่นนะคะ เพราะนอกจากจะไม่ต้องเข้าห้องน้ำเปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยๆ เลือกใส่แบบสอดยังสบายตัว
อีกด้วย ไม่ต้องกลัวเลอะ กลัวเปรอะ กลัวเปื้อนหรือกลัวแถบกาวจะหลุดเวลาโดนน้ำ
อย่าลืมเตรียมไปสำรองเปลี่ยนระหว่างวันด้วยนะคะ จะได้ไม่อับชื้นหรือมีกลิ่นไม่พึงประสงค์

9. กล้องกันน้ำ แน่นอนว่าจะเล่นน้ำให้สนุกก็ต้องลงรูปในเฟสบุ๊คหรือแทกไอจีกับเพื่อนสักหน่อย
ไอจะหยิบมือถือออกมาถ่าย ซองกันน้ำก็อาจจะเอาไม่อยู่ เดี๋ยวมือถือพังไปการเล่นน้ำจะไม่ใช่เรื่องสนุกอีกต่อไป
พกกล้องที่กันน้ำไปเลยดีกว่าและวันนี้อ๊อฟก็จะมาแนะนำกล้องกันน้ำที่อ๊อฟใช้อยู่ค่ะ
– Go Pro  Session 4 ข้อดีของกล้องโกโปรอย่างที่เรารู้ นอกจากกันน้ำกันกระแทกยังเหมาะกับกิจกรรมมันส์ๆ
กิจกรรม ADVENTURE สามารถเก็บได้ทั้งภาพมุมกว้าง จะภาพนิ่งหรือวิดิโอก็ถ่ายออกมาได้สวย ได้อารมณ์สุดๆ
– CASIO FR100L มันเป็นกล้องที่เกิดมาเพื่อสาวๆ อย่างเรา กล้องฟรุ้งฟริ้งที่ลงน้ำได้ ใช่ค่ะ….ลงน้ำได้
จะเอาไปว่ายน้ำหรือถือตอนเล่นน้ำก็ไม่ต้องกลัวพังเพราะมันโดนน้ำได้จริงๆ ที่สำคัญเลนส์ยังเป็นมุมกว้าง
สามารถถอดออกมาได้อีกด้วย เก็บรายละเอียดได้ดี แถมถ่ายออกมาก็หน้าเนียน เรียวงาม สวยสุดๆ

10. พวงมาลัย เตรียมพวงมาลัยสวยๆ พร้อมน้ำอบไทยไป “รดน้ำดำหัว” เพื่อขอโทษหรือขอขมา
ที่อาจจะเคยล่วงเกินผู้ใหญ่ทั้งกาย วาจา ใจ ทั้งที่ตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจ ไม่ว่าจะ
ต่อหน้าหรือว่าลับหลังก็ตาม
และขอพรจากผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือ ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ปู่ยาตายาย ครูบาอาจารย์เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต
เป็นยังไงกันบ้างคะกับ รีวิว 10 สิ่งที่ผู้หญิงต้อง(มี)เตรียมพร้อมเล่นสงกรานต์ 2018 ที่อ๊อฟรวบรวมมาให้
หวังว่าจะเป็นประโยชน์แก่สาวๆ เนอะ สงกรานต์ปีนี้เล่นน้ำให้สนุก ปลอดภัย อย่าลืมดูแลตัวเองด้วยนะคะ

 

จะดีแค่ไหนถ้าคุณมีกาแฟที่ชอบแล้วคุณทำมันได้ทุกที่ด้วยตัวคุณเอง

วันนี้ผมมีตัวช่วยใหม่จาก https://www.wacaco.com มันคือ “nanopresso” เครื่องกดกาแฟ espresso รุ่นใหม่

จากค่าย wacaco ที่เคยส่งรุ่นพี่อย่าง minipresso มาสู่ท้องตลาดและได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย

ในเรื่องของความสะดวกที่สามารถพกพาไปได้ทุกที่ อีกทั้งยังง่ายในการทำกาแฟ espresso  แต่รุ่นใหม่ต้องไฉไลกว่าเดิม

1. เพิ่มแรงอัดมากกว่ารุ่นเก่าในการสกัดกาแฟ จากเดิม 8 bar(116psi) รุ่นใหม่เป็น 18 bar(260psi)

2.ดีไซน์ใหม่ขนาดเล็กลง บวกกับการเพิ่มผิวรอยหยักทำให้จับถนัดไม่ลื่นเวลาหมุนถอดประกอบชิ้นส่วน

3.แทงค์น้ำบรรจุน้ำร้อนได้มากขึ้น

4.มีแปรงเพื่อทำความสะอาดมาซอกเล็กซอกน้อยให้ด้วย

ภายในกล่องมี  ตัวเครื่อง nanopresso, ถุงใส่ตัวเครื่อง nanopresso, คู่มือ 9 ภาษา (แต่ไม่มีภาษาไทย),

ใบรับประกัน(รับประกัน 1 ปี), สติ๊กเกอร์ของทาง wacaco มาให้ 2 แผ่น

ตัวเครื่อง nanopresso สามารถถอดแยกชิ้นส่วนต่างๆ ออกจากกันได้ ตามการใช้งานของแต่ส่วน

ภายในแทงค์น้ำจะมีช้อนสำหรับตักผงกาแฟและแปรงสำหรับทำความสะอาดมาให้ด้วย

ในส่วนของแทงค์น้ำสามารถถอดชิ้นส่วนแยกออกมาเป็นแก้วสำหรับใส่กาแฟที่กดออกมาได้เลย

(คือไม่ต้องพกแก้วไปก็ได้)

เริ่มต้นจากการตักผงกาแฟบดใส่ filter basket

**ผมลองใช้ผงกาแฟบดตั้งแต่ละเอียดเป็นแป้ง จนหยาบเหมือนน้ำตาล

ผลที่ออกมาดีที่สุดคือบดประมาณผงเกลือ ถ้าละเอียดแบบแป้งจะกดกาแฟออกมาได้ยากมาก

และถ้าหยาบแบบน้ำตาลกาแฟที่ได้จะมี crema ที่น้อย

ช้อนตักผงกาแฟสามารถใช้กลับด้านเพื่อเป็นตัว tamp ผงกาแฟให้แน่นได้อย่างพอดี

ทำความสะอาดรอบๆ filter basket ที่ใส่ผงกาแฟบดให้เรียบร้อย

ก่อนวางลงในตัวเครื่อง และนำส่วนหัวมาประกอบเข้าให้แน่น

ใส่น้ำร้อนในแทงค์น้ำ อย่าให้ระดับน้ำเกินกว่าเส้นที่มีภายในแทงค์

ประกอบส่วนแทงค์น้ำเข้ากับตัวเครื่อง

หมุนปลดล็อคตัวปั๊มแรงดันอากาศ

เริ่มปั๊มไปเรื่อยๆ จนมีกาแฟออกมา(ถ้าปั๊มมือเดียวไม่ไหว ก็ใช้สองมือช่วยครับ)

**การปั๊มส่วนใหญ่จะเริ่มมีกาแฟออกมาในครั้งที่ 8-12 ขึ้นอยู่กับความละเอียดของผงกาแฟบดและการ tamp

กาแฟที่ได้ออกมา บอกเลยว่าไม่ธรรมดาจริงๆครับ เพราะดูจากรูปที่ผมกดกาแฟออกมา

คือมันได้ perfect shot ที่มีทั้ง crema สีสวย และ body ที่แยกส่วนกับ heart

ถึงแม้ว่าในรูปส่วนของ body จะไม่ชัดเท่าไร ถ้าเทียบกับเครื่องราคาเป็นหมื่นเป็นแสนและมีไม่กี่ที่ที่คุณจะหาดื่มได้

ผงกาแฟบดที่เคาะออกมาจาก filter basket หลังจากกดกาแฟเสร็จ

ผลที่ได้แห้งดีคับ เป็นลูกสวยเชียว แต่ยังมีน้ำที่ค้างอยู่ในแทงค์น้ำและตัวเครื่องอยู่บ้าง

โดยรวมแล้วชอบเครื่อง nanopresso มากคับ เพราะกาแฟที่ได้ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ

อีกทั้งเรายังสามารถเลือกเล่นเมล็ดกาแฟจากที่ต่างๆได้อีกไม่รู้จบ

ตัวเครื่องไม่ต้องใช้ไฟฟ้า แรงมือล้วนๆ มีแค่ผงกาแฟบดกับน้ำร้อนก็ทำกาแฟ espresso ได้ง่ายๆ

ทำความสะอาดก็ง่าย เบา เล็ก พกพาสะดวกไปในทุกที่ น่าจะตอบโจทย์คอกาแฟหลายๆคนได้เป็นอย่างดี

แต่มีข้อเสียคือตัวเครื่องยังไม่มีขายในไทย ผมสั่งโดยตรงจากเวปไซต์  https://www.wacaco.com

และทางเวปไซต์จัดส่งให้ฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม สามารถเข้าไปดูราคาของทุกรุ่นได้ที่หน้าเวปไซต์โดยตรง

แต่ที่ผมเห็นมีขายในบ้านเราคือรุ่น minipresso เคยเห็นขายที่ homepro ครับ

ท่านใดสนใจลองหามาติดไว้ไม่เสียใจแน่นอนครับ