Category

Make up

Category
สวัสดีค่ะ หลังจาก Blog ที่แล้วที่อ๊อฟเพิ่งรีวิวตัว Cetaphil Gentle Skin
Cleanser ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าสำหรับผิวบอบบางแพ้ง่าย
ก็มีคนถามเข้ามาเยอะมากว่า แล้วรีวิวสำหรับคนผิวมันบ้างล่ะ คนเป็นสิวล่ะ
ไม่มีบ้างหรอ วันนี้อ๊อฟเลยจัดรีวิว Cetaphil Oily Skin
Cleanser สิ่งจำเป็นสำหรับผิวมันและบอบบางแพ้ง่ายมาให้ตามคำขอค่ะ
Cetaphil Oily Skin Cleanser คลีนเซอร์สำหรับคนผิวมัน
เป็นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวสำหรับผู้ที่มีผิวมัน
หรือผิวที่เกิดสิวง่าย ตัวนี้เค้าช่วยขจัดความมันส่วนเกิน สิ่งสกปรกและสิ่งที่
ไม่จำเป็นบนใบหน้าได้อย่างอ่อนโยน คงเหลือแต่สิ่งที่จำเป็นสำหรับผิวจริงๆ
ทั้งยังผ่านการวิจัยมาแล้วว่าช่วยลดความมันส่วนเกินบนใบหน้า
ได้จริงถึง 54% (Chris T. McAllister, et. al., Clinical Assessment of a
Cleanser for Moderately Oily Acne-Prone Skin, 1997) 
อีกทั้งยังช่วยลดโอกาสของการเกิดสิวได้อีกด้วยค่ะ
ตัวเนื้อคลีนเซอร์เป็นเจลใส ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ไม่มีน้ำหอมและส่วนผสม
ของแอลกอฮอลล์แถมยังมาพร้อมกับค่า pH 5.5 มีความเป็นกรดอ่อนๆ
ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดสิว
คลีนเซอร์ขวดนี้สามารถใช้ร่วมกับยารักษาสิวได้  ดังนั้นใครที่ใช้พวกเจล
แต้มสิวหรือผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่เป็นสิวตัวนี้ใช้ร่วมกันได้แน่นอนค่า
ด้วยนวัตกรรมสูตร Gentle Foaming Action ช่วยลดความมันส่วนเกิน
สิ่งสกปรกและคราบเครื่องสำอางบนใบหน้าได้อย่างล้ำลึก
อ่อนโยนไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองกับผิวเพราะฉะนั้นจึงมั่นใจได้เลยว่า
แม้แต่คนผิวบอบบางแพ้ง่ายก็ยังใช้ได้ ปลอดภัยหายห่วงค่ะ
ที่สำคัญตัวนี้เค้ามีมอยเจอร์ไรเซอร์ Glycerin และ Panthenol (วิตามิน B5)
ที่ช่วยเติมความชุ่มชื้นและกักเก็บน้ำไว้ที่ผิว ช่วยให้ผิวไม่แห้งตึง
หลังจากที่เราล้างหน้าเสร็จ พอเราล้างหน้าเสร็จแล้วยังนุ่มชุ่มชื้น
จะทำให้หน้าไม่กลับมามันแล้วมันอีก ตัดวงจรหน้ามันซ้ำซากค่ะ
หลังจากหลังหน้าเสร็จรู้สึกได้เลยว่า
“ผิวสะอาดและเนียนนุ่มชุ่มชื้นขึ้น
ลูบไปแล้วไม่ดังเอี๊ยดหรือรู้สึกตึงที่ผิวหน้า “
สำหรับใครที่เป็นสิวอุดตัน สิวผด สิวอักเสบสามารถใช้ตัวนี้ได้
ไม่ต้องกลัวแพ้เลยค่ะ
สามารถหาซื้อ Cetaphil Oily Skin Cleanser ขนาด 125 ml.
ได้ที่ Watsons / Boots / Eveandboy
และร้านขายยาชั้นนำทั่วไป ในราคาราคา 500 บาทค่ะ
และยังมีขนาดจิ๋ว 29 ml. หาซื้อได้ที่เซเว่นอีเลฟเว่น
ในราคา 109 บาทด้วยนะคะ
ฝุ่นเยอะๆ แบบนี้อย่าลืมมาดูแลผิวกันค่ะ

สวัสดีค่ะ อ๊อฟกลับมาอีกครั้งกับการทำรีวิวแฮนด์ครีม

ที่ค้นไปค้นมามีถึง 20 ยี่ห้อเลยทีเดียว ด้วยความที่เป็นผู้หญิงมือเหี่ยว

มือหยาบและแห้งกร้าน แถมมือยังด้านอีกต่างหาก

ชอบขุดดินทำสวน ล้างจาน ล้างห้องน้ำแบบไม่ใส่ถุงมือ

เลยทำให้มือเหี่ยวกว่าหน้าอีก อายุ 32 แต่มือปาไป 40

คราวนี้เลยต้องบำรุงอย่างหนักเรียกได้ว่าติดครีมทามือมากกก

ต้องมีติดตัวตลอด วันนี้เลยจะมารีวิวให้สาวๆ ได้ดูกัน

 

วันนี้เลยจะมารีวิวความรู้สึกหลังใช้ผลิตภัณฑ์สบู่โพรเทคส์ ไทย เทอราพี สูตรมะเขือเทศ วิตามิน C&E มินิ 4
ให้ได้ดูกันค่ะ รีวิวตามแบบฉบับอ๊อฟจะเป็นยังไงกันบ้างตามไปดูกันเล๊ยยยย
สบู่โพรเทคส์ ไทย เทอราพี สูตรมะเขือเทศ วิตามิน C & E มินิ 4 (ขนาด 30 กรัม X 4 ก้อน)
ผสานคุณค่าจากธรรมชาติของมะเขือเทศ วิตามินซี และ อี ช่วยทำให้ผิวแลดูขาวกระจ่างใส
ถนอมผิวให้นุ่มชุ่มชื่นอ่อนเยาว์ อีกทั้งมอบฟองนุ่มละเอียด ทำความสะอาดสิ่งสกปรก
เพื่อผิวสะอาดเกลี้ยงเกลา แลดูกระจ่างใส มีสุขภาพดีตามที่คุณต้องการ
ทางแบรนด์เคลมสรรพคุณมาอย่างนี้ มีหรอที่อ๊อฟจะไม่ทำการทดสอบให้เพื่อนๆ ได้ดูกัน
เริ่มกันที่แพคเกจจิ้งกันก่อนเนอะ ลักษณะแพคเกจก็เป็นกล่องพลาสติกใสมีพรีเซนเตอร์สุดสวย
คือคุณหญิง รฐา นั่นเองแต่ที่พิเศษไปกว่านั้นคือ “
ข้างในเค้าแบ่งออกเป็น 4 ก้อนเล็กๆ ” (มินิ 4 แบ่งใช้สะดวก)
พอแกะออกมาก็จะเป็นสบู่ก้อนเล็กๆ ที่บรรจุอยู่ในซองพลาสติกเรียงติดกัน 4 ชิ้น
ซึ่งสามารถแบ่งออกมาที่ละห่อได้เป็นสบู่ที่มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ถ้าจมูกของอ๊อฟไม่เพี๊ยน
กลิ่นมันจะออกแนวฟลอรัล ซึ่งหอมอ่อนๆ กำลังดี
ซึ่งข้อดีของมินิ 4* ก็คือ สามารถแบ่งใช้ได้สะดวกมว๊ากกก ยิ่งเวลาที่ต้องเดินทางไปไหนมาไหน
พกแค่ซองเดียวก็พอประหยัดเนื้อที่กระเป๋า หยิบใช้งานง่าย สะดวกสบายสุดๆ
ขนาดของสบู่ก็เป็นก้อนเล็กๆ ซึ่งเล็กกว่าฝ่ามือของอ๊อฟค่อนข้างเยอะเลยและก็บางกว่าสบู่ก้อนธรรมดาทั่วไปค่ะ
มาดูกันที่ฟองของสบู่ ถ้าถูด้วยมือธรรมดาฟองจะค่อนข้างใหญ่และมีปริมาณฟองที่พอดี
แต่ถ้าใครชอบฟองเยอะๆ สามารถใช้ตาข่ายตีฟองได้ค่ะ ฟองที่ได้ก็จะเนียนนุ่มละเอียดและมีปริมาณเยอะขึ้น
ส่วนตัวอ๊อฟชอบใช้ถุงตาข่ายเอามาใส่สบู่และตีฟอง ฟองเยอะๆ ถูตัวเพลินดีค่ะ
เรื่องแรกที่อ๊อฟจะทดสอบเลย คือ ” การตรวจสภาพความชุ่มชื้นของผิว “
ซึ่งปกติเวลาเราใช้สบู่ก้อนไม่ว่าจะเป็นผิวหน้าและผิวกาย เมื่อล้างสบู่ออกผิวจะค่อนข้างแห้งตึง
เพราะปกติสบู่ก้อนที่เราใช้ทั่วไปจะชำระล้างความมันและความชุ่มชื้นของผิวหนังออกจนหมด
สภาพผิวของอ๊อฟก่อนใช้สบู่โพรเทคส์ ไทย เทอราพี สูตรมะเขือเทศ วิตามิน C & E มินิ 4
อ๊อฟเป็นคนที่ผิวค่อนข้างแห้ง ยิ่งช่วงหน้าหนาวผิวจะแห้ง ลอกแตกเป็นขุย บางครั้งเผลอไปเกายังขึ้นเป็นริ้วขาวๆ
พอใช้เครื่องตรวจสภาพผิวถึงได้รู้ว่าปริมาณน้ำหรือความชุ่มชื้นของผิวของอ๊อฟน้อยมากกกก T.T
ได้เวลาอาบน้ำแล้ววววว นั่นแน่…คิดอะไรอยู่ ให้ดูแค่แขนพอเนอะ เดี๋ยวจะต้องขึ้นเตือน 18+
วิธีใช้สบู่ก็ไม่มีอะไรยุ่งยากเลยค่ะ ไม่รู้จะแนะนำยังไงแค่ทำให้ผิวและสบู่เปียก
หลังจากนั้นก็ถูๆๆ แล้วล้างออกให้สะอาดค่ะ ซึ่งเห็นฟองเยอะขนาดนี้แต่เวลาล้างออกก็ไม่ยากเลยค่ะ
หลังจากที่ใช้สบู่โพรเทคส์ ไทย เทอราพี สูตรมะเขือเทศ วิตามิน C & E มินิ 4 เราจะมาทำการเช็คสภาพผิวกันค่ะ
และผลลัพธ์ที่ได้คือ ” ความชุ่มชื้นและน้ำมันที่ผิวของอ๊อฟเพิ่มขึ้นทันที ” เพิ่มขึ้นจากเดิมเยอะเลย
ลูบผิวไปก็ไม่แห้งตึงรู้สึกได้เลยว่าผิวนุ่มลื่นและชุ่มชื้นขึ้น สำหรับคนที่ผิวแห้งแบบอ๊อฟ
แนะนำให้ชโลมออยให้ทั่วตัวและทาโลชั่นเพิ่มค่ะ
ต่อมาคือ ” เรื่องความกระจ่างใส ” ปกติอ๊อฟไม่ได้เป็นคนที่อินกับอะไรที่ทำให้ผิวขาวอยู่แล้ว
เพราะค่อนข้างพอใจในสีผิวเดิมของตัวเอง แต่ก็ต้องเปลี่ยนความคิดใหม่ เพราะหลังจากที่ลองใช้เพียงแค่ครั้งแรก
” ผิวสว่างกระจ่างใสขึ้นทันที ” ไม่รู้จะพูดยังไงให้ดูตามภาพเลย สีของแขนทั้งสองข้างแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด
มันไม่ได้ขาวแบบคนผิวคล้ำไปเป็นคนขาวนะ คือผิวมันใสขึ้น สว่างขึ้นมากกว่า
ซึ่งอาจจะเพราะอ๊อฟทาโลชั่นบำรุงผิวและออกไปโน่นนั้นนี่โดนฝุ่นโดนมลภาวะต่างๆ
พอมาทำความสะอาดผิวด้วยสบู่โพรเทคส์ ไทย เทอราพี สูตรมะเขือเทศ วิตามิน C & E มินิ 4
พวกคราบสิ่งสกปรกหรือขี้ไคลเลยหลุดออกไป ผิวจึงขาวหรือสว่างขึ้นกว่าเดิม
ซึ่งถ้าอยากให้ผิวขาวจริงๆ นั้นต้องทาครีมกันแดด โลชั่นบำรุงผิว หลบเลี่ยงแสงแดด ทานวิตามิน
หรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของวิตามินซีและอี แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องใช้เป็นประจำสม่ำเสมอด้วยนะคะ
ไม่ใช่ใช้แค่วันสองวันแล้วบอกไม่เห็นผล ทุกอย่างต้องใช้ระยะเวลาในการฟื้นฟูและบำรุงทั้งนั้นเนอะ
ต่อมาเรื่องที่อ๊อฟจะพิสูจน์เรื่องสุดท้ายคือ ” เรื่องประสิทธิภาพการทำความสะอาด “
วันนี้อ๊อฟแต่งหน้าและใช้เครื่องสำอางปกติคือมีทั้งครีมกันแดด รองพื้น ดินสอเขียนคิ้วและอายไลเนอร์แบบกันน้ำ
ซึ่งปกติถ้าจะต้องทำความสะอาดหน้าก็จะต้องใช้ make up remover เช็ดทำความสะอาดก่อน
แต่วันนี้บอกแล้วว่าจะทำการทดสอบเรื่องความสะอาดเน้นๆ
เลยใช้แค่สบู่โพรเทคส์ ไทย เทอราพี สูตรมะเขือเทศ วิตามิน C & E มินิ 4 พอค่ะ
ฮือออ…..มันดีมากอะ ล้างแค่แปปเดียวก็ทำความสะอาดได้หมดเลย ไม่มีคราบคสอ. หลงเหลืออยู่เลย
ที่สำคัญไปกว่านั้นใช้แล้วผิวหน้าไม่แห้งตึงด้วย ลูบไปผิวหน้ายังคงนุ่มลื่นอยู่เลย แต่ถ้าใครที่แต่งหน้าจัด
หรือใช้คสอ.กันน้ำที่ล้างออกยากๆ และคิดว่าการทำความสะอาดเท่านี้ไม่เพียงพอ สามารถใช้คลีนซิ่ง
เช็ดทำความสะอาดผิวเพิ่มได้ค่ะ ส่วนตัวอ๊อฟใช้มาระยะนึงสิวไม่ขึ้นแล้วก็ไม่มีการแพ้ค่ะ
หลังจากล้างหน้าเสร็จก็บำรุงผิวตามขั้นตอนปกติได้เลยค่ะ
สรุปๆๆๆ สบู่โพรเทคส์ ไทย เทอราพี สูตรมะเขือเทศ วิตามิน C & E มินิ 4

ทำความสะอาดผิวได้ค่อนข้างดี ช่วยให้ผิวขาวกระจ่างใสและช่วยให้ผิวชุ่มชื้นขึ้นจริง!!!!

สำหรับใครที่ดูรีวิวมาเยอะ บอกเลยว่ากำเงิน 48 บาทเข้า 7/11 แล้วไปซื้อเถอะไม่เสียดายสะตุ้งสตางค์แน่นอน

สวัสดีค่า วันนี้อ๊อฟรวบรวมเอาแป้งฝุ่นทั้งหมดที่ใช้อยู่มารีวิวให้ดูกันค่ะ

ซึ่งที่รวบรวมมาวันนี้ก็มีทั้งแบบฝุ่นและแบบอัดแข็ง ราคาตั้งแต่หลักสิบยันหลักพัน

ใครที่กำลังมองหาแป้งฝุ่นอยู่ หรือว่าใช้ตัวไหนดีไม่ดียังไง อย่าลืมมาแชร์กันนะคะรีวิวหน้าอ๊อฟจะเป็นอะไร อย่าลืมติดตามอ่านกันด้วยน้าาาา

สวัสดีค่ะ วันนี้อ๊อฟกลับมาพร้อมกับรีวิวจัดแน่นจัดเต็มกับดินสอเขียนคิ้ว 25 แท่ง ทั้งแบบปากกา แบบดินสอ
แบบเจล แบบฝุ่น ที่อ๊อฟใช้ มาหลากหลายยี่ห้อ รวบรวมมาให้เพื่อนๆ ได้ดูกันว่าตัวไหนเขียนสวย ตัวไหนใช้แล้ว
ติดทน กันน้ำ กันเหงื่อเหมาะกับสภาพอากาศบ้านเรา เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา
อ๊อฟทำภาพรีวิวมาให้เข้าใจง่าย ดูเพลินๆ หวังว่าจะชอบกันน้าาาเป็นยังไงกันบ้างคะ ดูกันแบบเต็มอิ่ม ทั้งหมดนี้ก็เป็นความเห็นส่วนตัวของอ๊อฟหลังจากที่ใช้มา
ถ้าเกิดเพื่อนๆ ใช้แล้วชอบไม่ชอบตัวไหน มีตัวไหนดีๆ เด็ดๆ ก็แวะมาแชร์ความคิดเห็นกับอ๊อฟได้นะคะ
รีวิวหน้าจะเป็นอะไร รับรองว่าอ๊อฟจัดแน่นจัดเต็มมาให้อีกแน่นอน รอติดตามอ่านกันด้วยน้าาา
สวัสดีค่ะวันนี้อ๊อฟทำงานเสร็จเรียบร้อยเลยจะชวนคุณแม่ออกไปทานข้าวและซื้อของสักหน่อย
แต่เวลาชวนคุณแม่ทีไร คุณแม่ชอบปฎิเสธและบอกว่าทำไมไม่ชวนล่วงหน้าจะได้เข้าร้านทำผมก่อน

จะเข้าร้านผมทำไมให้เสียเวลาสถานการณ์เร่งด่วนขนาดนี้ อ๊อฟก็มี L’Oreal Magic Retouch Spray 
สเปรย์ปิดผมขาว ปิดผมเหม่ง สารพัดจะปกปิด ผมบางผมน้อยควรมีไว้เป็นตัวช่วยสำคัญ
พอเอามาให้คุณแม่ลองใช้ คุณแม่ถึงกับตื่นเต้นเพราะปกติจะต้องโกรกต้องย้อมผมก่อนจะออกไปข้างนอก
อันนี้แค่ฉีดสเปรย์ก็ปิดผมหงอกได้แล้ว สะดวกและประหยัดเวลามาก ไม่ต้องเสียเวลาเข้าร้านทำผมเลย

L’Oreal Magic Retouch Spray ลอรีอัล เมจิก รีทัช สเปรย์ปกปิดผมขาวแบบแนบสนิท ใน 3 วินาที
ที่มียอดขายอันดับ 1 สำหรับผลิตภัณฑ์ปกปิดโคนผมขาวของโลก*
เปลี่ยนสีผมให้ดูกลมกลืนและให้ผลลัพธ์สีผมดูเป็นธรรมชาติ สม่ำเสมอ แห้งไว
ล้างออกง่ายด้วยแชมพู ติดทนนานไม่เลอะและเปื้อนระหว่างวัน
L’Oreal Magic Retouch Spray มาในขวดสเปรย์สีฟ้าขนาดเล็กกะทัดรัด พกพาง่าย
หัวสเปรย์เป็นหัวฉีดขนาดเล็ก ฉีดง่ายและพ่นกระจายสีได้อย่างสม่ำเสมอ
Magic Retouch ( ราคา 349 บาท / 75 ml.)
ซึ่งทั้งหมดก็มี 5 เฉดสีด้วยกัน เหมาะกับสีผมของคนไทยมาก
ไม่ว่าใครจะสีผมธรรมชาติหรือไปทำสีผมมาเค้าก็มีให้เลือก
ซึ่งมันติดทนมากไม่ต้องกลัวว่าฉีดไปจะเลือนหายระหว่างวัน ถ้าไม่สระผมก็ไม่หลุดจ้า

มาเริ่มที่สีผมธรรมชาติของคุณแม่ก่อน คุณแม่มีผมสีดำแต่กลางศีรษะและตามโคนผมมีผมหงอก

ช่วงกลางศีรษะก็บางด้วย ดังนั้นคุณแม่เลยเลือกใช้สเปรย์ปิดผมขาวสีดำค่ะ

ซึ่งวิธีการใช้ก็ง่ายมากเลยค่ะ เพียงแค่เขย่าขวดก่อนใช้งานและตั้งขวดให้อยู่ในลักษณะตรง

ถือกระป๋องห่างจากผมและรากผมประมาณ 10 ซม. แล้วค่อยๆ สเปรย์ค่ะ

อย่าสเปรย์ในปริมาณมากค่อยๆ สเปรย์เพียงเล็กน้อยก็พอค่ะ
ทิ้งให้แห้ง 1 นาที หวีเพื่อเกลี่ยสีให้เนียนและลดสเปรย์ส่วนเกินออกจากเส้นผมก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อยค่ะ

จะเห็นว่าปิดผมได้ธรรมชาติมาก ไม่เห็นผมหงอกให้กวนใจแถมผมยังดูหนาขึ้นอีกด้วย

ตามโคนผมด้านในก็ปิดได้ดีมาก จะเสยผมเกล้าผมก็ไม่ต้องกลัวผมขาวโผล่

 

ต่อมาก็เป็นตาอ๊อฟแล้ว ผมขาวไม่มีแต่หัวเหม่งมาก ยิ่งบริเวณตามแนวผม ผมมันจะขาดๆ แหว่งๆ

ของอ๊อฟทำสีผมมาเลยเลือกสี Golden Brown ค่ะ สีนี้จะออกน้ำตาลทอง ตรงกับสีผมอ๊อฟเป๊ะเลย

วิธีการใช้ก็เหมือนกันค่ะ ง่ายๆ ไม่ยากเลย ตรงไหนเหม่ง ตรงไหนผมบางก็ฉีดเข้าไป

หลังฉีดเสร็จก็เหมือนเดิมค่ะ หวีผมทำการลดสีส่วนเกิน

หลังฉีดเสร็จผมดูหนาและเต็มขึ้นมาทันที แถมสีผมก็ธรรมชาติมากดูไม่หลอกตาเลย

สรุปเลยละกัน L’Oreal Magic Retouch Spray เป็นสเปรย์ที่ปิดผมขาว
ผมหงอก ผมบาง สีผมไม่สม่ำเสมอได้ดีและธรรมชาติมว๊ากกกก
เหมาะกับชั่วโมงเร่งรีบหรือสถาการณ์เร่งด่วน เพราะใช้เวลาไม่นาน แปปเดียวก็พร้อมออกจากบ้านได้

ที่สำคัญมันใช้ได้แทบทุกเฉดสีผมของคนไทยเลย เห็นคุณแม่ใช้แล้วผมดำ ผมหนาขึ้น
คุณพ่ออ๊อฟนี่มองตาปริบๆ จะขอไปใช้ปิดหัวล้านบ้าง 555

 

สวัสดีค่ะ วันนี้อ๊อฟจะมาแชร์ประสบการณ์การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาและร่องแก้ม
ครั้งแรกในชีวิตกับทาง P10 Clinic ซึ่งสาขาที่อ๊อฟเข้ามารับบริการคือที่ เมเจอร์ รัชโยธิน ชั้น 3 ค่ะ
และฟิลเลอร์ที่คุณหมอเลือกใช้เป็นของ COLORFUL FILLER นวัตกรรมจากสวิสเซอร์แลนด์
ภายใต้แบรนด์ Merz Aesthetics ปลอดภัย ผ่านอย. ของแท้ 100%ช่วย
เติมเต็มร่องใต้ตาให้เต็ม เพื่อใบหน้าดูสดใส ไม่เหนื่อยล้า และทำให้ใบหน้าดูเด็กลง
Colorful Filler คือสารเติมเต็มในชั้นผิวหนัง หรือใต้ผิวหนัง ที่มีส่วนประกอบของไฮยาลูรอนิค แอซิด
(Hyaluronic Acid หรือ HA) ซึ่งเป็นองค์ประกอบธรรมชาติ ชนิดหนึ่งที่มีอยู่ในร่างกาย มีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำ
ได้ดีมากถึง 1,000 เท่า มีส่วนสำคัญในการมอบความชุ่มชื้นให้ เซลล์ผิว ทำให้ผิวเรียบเนียนดูเต่งตึง ขณะเดียวกัน
ความร่วงโรยจากอายุที่เพิ่มขึ้น ทำให้ HA เสื่อมถอยลง1 ฟิลเลอร์ ของ COLORFUL FILLER จึงถูกคิดค้นมาเพื่อทำ
การทดแทนหรือเสริม HA ในผิว เติมเต็มวอลุ่มสู่ใบหน้า เพิ่มความ กระชับและปรับความเรียบเนียนของผิว นอก
จากนี้ COLORFUL FILLER ยังช่วยเติมความชุ่มชื้นสู่ผิวและชะลอริ้ว รอยที่อาจก่อตัวขึ้นในอนาคตด้วย
ก่อนทำจะเห็นว่าใต้ตาอ๊อฟลึกมาก ถึงแม้จะนอนเยอะแค่ไหนก็ดูเหมือนคนอดหลับอดนอนดูไม่สดใสเลย
ก่อนจะทำการฉีดฟิลเลอร์ก็ต้องทำความสะอาดใบหน้าและแปะยาชาทิ้งไว้ 45 นาที
ระหว่างแปะยาชาก็ออกไปหาข้าวทานรอได้เลยค่ะ
ซึ่งทั้งการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาและร่องแก้มจะใช้เทคนิคพิเศษเฉพาะ P10 Clinic เท่านั้น
และมั่นใจได้เลยไม่มีทางเข้าเส้นเลือดแน่นอนเพราะใช้เข็มปลายทู่ (Blunt Canula) ค่ะ

หลังฉีดเสร็จจะเห็นว่าใต้ตาเต็มขึ้น ฟูขึ้นมาเลย พอฉีดเสร็จคุณหมอก็จะทำการนวดคลึงเล็กน้อย

ต่อมาก็จะทำการฉีดร่องแก้ม ซึ่งร่องแก้มก็เจ็บมากเช่นกัน แต่ก็เจ็บแบบทนได้เพื่อความสวยของเรา

หลังฉีดเสร็จจะเห็นว่าใต้ตาและร่องแก้มตื้นขึ้นเยอะมาก ใบหน้าดูอิ่มและสดใสขึ้นจริงๆ
หลังฉีดครบ 2 เดือนจะเห็นว่าใต้ตาไม่ลึกแล้ว ทานน้ำเยอะๆ ก็จะช่วยให้ฟิลเลอร์ฟูขึ้นและอยู่กับเราไปนานๆ
ส่วนร่องแก้มอ๊อฟว่าอาจจะต้องเติมอีกเพราะยังมีริ้วรอยที่ชัดอยู่ ยังไงอ๊อฟจะมาอัปเดตเรื่อยๆ เนอะ
สำหรับคนที่สนใจลองสอบถามข้อมูลรายละเอียดกับทาง P10 Clinic ได้เลยค่ะ

‼️สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม‼️
☎️ Tel : 081-755-3132
📲Facebook: p10 clinic
https://m.facebook.com/p10clinic/
📲Line: p10 clinic
https://line.me/R/ti/p/%40p10clinic
📲Ig: @p10 clinic
📍 เปิดทำการ : ทุกวัน
🏥ตำแหน่งที่ตั้ง : เมเจอร์รัชโยธิน ชั้น 3
🚖ที่จอดรถสะดวกสบาย

สวัสดีค่า กลับมาพบกับอ๊อฟอีกแล้ว วันนี้อ๊อฟก็มีรีวิวดีๆ มาฝากเพื่อนๆ อีกเช่นเคย
จะบอกว่าตื่นเต้นมว๊ากกก เพราะเมื่อสองสามวันที่ผ่านมาอ๊อฟได้ไปฟอกฟันขาวกับทาง COSDENT By SLC 
เรียกได้ว่าเป็นครั้งแรกเลยที่ได้ฟอกสีฟัน ต้องบอกก่อนเลยว่าอ๊อฟเคยผ่านการจัดฟันมาแล้วหลายปี
หลังจากถอดเหล็กดัดฟันออกเนี่ย สีของฟันก็ไม่สม่ำเสมอ ยิ่งบริเวณเขี้ยวเนี่ยเหลืองเชียว
ทำให้ไม่ค่อยมั่นใจที่จะยิ้มโชว์ฟันซักเท่าไหร่ ยิ่งเวลาทำคลิปหรือจะต้องเจอคนเยอะๆ ก็จะประหม่า
ไม่ค่อยกล้าพูดหรือหัวเราะกว้างๆ เลยทำให้กลายเป็นคนไม่ค่อยจะมั่นใจ
และสาขาที่อ๊อฟเข้าไปรับบริการนั่นก็คือ COSDENT By SLC สาขา Siamsquare One ซึ่งอยู่ชั้น 6 นั่นเอง
การเดินทางก็ไม่ยากเลยค่ะ นั่ง BTS มาลงสยามแล้วเดินเข้าตึกสยามสแควร์วันขึ้นลิฟท์มาชั้น 6 นิดเดียว
นอกจากสาขา Siamsquare One แล้วก็ยังมีสาขาที่ทองหล่อ(ตรงข้ามซอยทองหล่อ25) อีกด้วยค่ะ
เดินทางมาด้วย BTS ได้เลย ไม่ยากค่ะ สะดวกสบาย
cosdent สาขาทองหล่อ โทร 098-656-3914
cosdent สาขาสยาม สแควร์วัน  ชั้น 6 โทร 093-882-3536
line  @cosdentbyslc
ที่นี่ไม่ได้มีบริการเฉพาะทำฟันเท่านั้นนะคะ ยังมี SLC สยามเลเซอร์ คลินิกซึ่งเป็นสถานพยาบาลความงาม
ครบวงจร จากทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ทั้งทางด้าน ผิวพรรณ ศัลยกรรมตกแต่ง ทั่วเรือนร่าง
เอาเป็นว่ามาที่นี่สวยตั้งแต่หัวจรดเท้าเลย
และโปรแกรมที่อ๊อฟเลือกเข้ารับบริการวันนี้ก็มี
Easy Clean Package ( ขูดหินปูน+ ขจัดคราบชากาแฟ บุหรี่ ไวน์ที่ฝังบนผิวฟัน)
Easy White Package  (ฟอกฟันขาวด้วยนวัตกรรม Cool light )
มาถึงตรงนี้แล้วเดี๋ยวอ๊อฟจะพาเข้าไปดูข้างในว่าเป็นอย่างไรบ้าง…ตื่นเต้นๆๆ (ตามมาค่ะ)
เดินเข้ามาด้านในก็จะมีเค้าน์เตอร์สำหรับติดต่อ จะบอกว่าพี่ๆ ที่นี่บริการและต้อนรับดีมาก
สำหรับคนที่ยังไม่มีประวัติก็ทำการลงทะเบียนกรอกประวัติได้เลยค่ะ จะมีพี่พนักงานคอยให้คำแนะนำอยู่
หลังจากกรอกประวัติเรียบร้อยแล้ว พี่พนักงานก็จะพาเดินมาฝั่งขวาจะเป็น COSDENT ซึ่งเราจะทำฟันกันที่นี่ค่ะ
มาถึงห้องแรกพบปะพูดคุยกับคุณหมอ ซึ่งคุณหมอจะถามว่าพบทันตแพทย์ล่าสุดเมื่อไหร่ (นั่นสินะล่าสุดเมื่อไหร่)
หลังจากนั้นก็จะทำการตรวจสุขภาพฟันให้เราค่ะ ว่ามีฟันผุมั้ย สุขภาพเหงือกและฟันเป็นอย่างไรบ้าง
เพราะถ้าเกิดฟันมีปัญหาก็จะไม่สามารถทำการฟอกสีฟันได้
ดังนั้นถ้ามีฟันผุ ฟันคุดก็ต้องจัดการรักษาให้เรียบร้อยก่อนค่ะ
หลังจากนั้นก็จะทำการถ่ายรูปฟันของเราไว้เพื่อทำการเปรียบเทียบและเก็บเป็นประวัติของเราไว้ค่ะ
นอกจากถ่ายรูปแล้วก็จะทำการพิมพ์ฟันเก็บเอาไว้ ซึ่งคุณหมอน่ารักมาก ให้ทายด้วยว่าวัสดุที่เอามาพิมพ์ฟัน
ให้อ๊อฟเป็นรสชาติอะไร ถ้าตอบถูกจะได้น้ำแดงทานด้วย 555 แน่นอนว่าเรื่องกลิ่นและรสชาติอ๊อฟ
ไม่มีทางพลาดอยู่แล้ว มันคือ “กลิ่นมะม่วง” นั่นเอง หอมขนาดนี้ไม่มีทางทายผิดแน่นอน
หลังจากพิมพ์ฟันเสร็จก็จะมีเจ้าหน้าที่พาไป X-ray ฟันค่ะ เพื่อจะได้วางแผนการรักษาได้อย่างถูกต้อง
ตั้งแต่เข้าคลีนิคทำฟันมาจะบอกว่าคลีนิคทันตกรรมที่นี่สมัยใหม่และมีเครื่องไม้เครื่องมือทันสมัยมาก
ไปถึงเราก็แค่ยืนงับเจ้าแท่นนี้ไว้ ยืนเฉยๆ ค่ะ ถ้าใครมีเครื่องประดับก็ต้องถอดออกให้หมดนะคะ
ตรงนี้ใช้เวลาไม่นานเลย แปปเดียวก็เสร็จแล้ว
และผล X-ray ฟันของเราก็ออกมาแล้ว ปกติดีทุกอย่างแถมคุณหมอยังแนะนำวิธีการดูแลเหงือกและฟันให้อีกด้วย
ก่อนที่เราจะไปพบคุณหมอในห้องถัดไป เรามาดูกันว่าสาเหตุที่ทำให้ฟันของเราเหลืองมีอะไรบ้างค่ะ
วันนี้อ๊อฟเลยทำภาพน่ารักๆ มาให้ดูกัน ซึ่งจริงๆ แล้วมันมีหลายสาเหตุมากมาย อาทิ เช่น
– เครื่องดื่มจำพวก ชา กาแฟ ไวน์ น้ำอัดลม
– การสูบบุหรี่เป็นตัวการสำคัญทำให้ฟันเหลือง
– การจัดฟัน ฟันเหลืองจากคราบอาหาร คราบหินปูน คราบแบคทีเรียสะสม
– อายุที่เพิ่มมากขึ้น ผิวเคลือบฟันเริ่มจางหายไปตามกาลเวลาเนื่องจากการเสื่อมสภาพตามการใช้งาน
– การดูแลสุขภาพช่องปากที่ไม่ถูกสุขลักษณะ แปรงฟันผิดวิธี แปรงฟันไม่สะอาดหรือไม่ใช้ไหมขัดฟัน
– การใช้ยารักษาโรคบางชนิด เช่น ยาฆ่าเชื้อโรคด็อกซี่ไซคลิน, ยาปฏิชีวะนะ ก็สามารถทำให้ฟันแท้มีคราบได้
– กรรมพันธุ์ บางคนอาจจะมีฟันเหลืองเร็วกว่าคนอื่นเนื่องจากมีชั้นเคลือบฟันที่บางกว่า
เป็นยังไงคะ รู้สาเหตุกันแล้วว่าตัวการทำให้ฟันเหลืองมีอะไรบ้าง แต่ใช่ว่าฟันเหลืองแล้วจะขาวไม่ได้เนอะ
การฟอกสีฟัน ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งค่ะ ที่ช่วยให้ฟันเรากลับมาขาวสะอาดและมีรอยยิ้มที่สดใส
แต่ก่อนที่เราจะไปฟอกฟันต้องทำการขูดหินปูนก่อนเนอะ (แอบกระซิบว่าคุณหมอน่ารักมาก เกาหลีฝุดๆ )
หลังจากที่ขูดหินปูนเสร็จ โปรแกรมต่อไปของเราก็คือการขจัดคราบชา กาแฟ ไวน์ คราบบุหรี่
ด้วยนวัตกรรม Air Flow โดยจะเป็นการใช้วิธีการเป่าลมผสมผงขัดซึ่งสามารถทำความสะอาด
ได้เกลี้ยงเกลามากกว่าการขูดหินปูนปกติ
วิธีนี้ชิวมาก ไม่มีความเจ็บหรือความเสียวฟันใดๆ ทั้งสิ้น
นอกจากความเค็มหน่อยๆ หลังทำเสร็จบ้วนน้ำเยอะๆ ก็หายค่ะ
และแล้วก็มาถึงขั้นตอนการฟอกสีฟัน คุณหมอจะใส่ยางซิลิโคนในปากของเราก่อน
จะบอกว่ามันไซส์ใหญ่มาก เพราะเป็นไซส์ยุโรป สาวเอเชียปากเล็กๆ อย่างเราต้องอ้าปากกว้างสุดพลัง
หลังจากนั้นก็จะทำการเทียบสีฟันกับชาร์ตฟันของคุณหมอ หลังฟอกเสร็จฟันของเรา
จะสามารถขาวขึ้นได้ 4 – 5 เฉดเลยทีเดียว ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องขึ้นอยู่กับการตอบสนองของแต่ละคนด้วยค่ะ
ซึ่งจริงๆ แล้วอ๊อฟก็ไม่ได้มีฟันเหลืองอะไรมากมายเพราะสีฟันธรรมชาติของอ๊อฟก็ออกไปทางขาวด้วยซ้ำ
แต่เวลาที่อ๊อฟต้องสวอชลิปใกล้ๆ เนี่ยพอทาลิปสีส้มหรือสีแดงกลับทำให้ฟันของอ๊อฟดูเหลืองมากขึ้น
ก่อนที่จะฟอกสีฟันจะต้องลงน้ำยาเพื่อป้องกันการโดนน้ำยาฟอกสีฟันบริเวณคอฟันและเหงือกด้วยน้ำยาพิเศษค่ะ
หลังจากนั้นก็จะทำการฉายเเสง UV
ขั้นตอนต่อมาคือ การลงน้ำยาฟอกสีฟัน ซึ่งคุณหมอจะไม่ได้ลงครบทุกซี่นะคะ
จะเป็นแผงฟันด้านหน้าบนและล่างเวลาเรายิ้มค่ะ
สวมแว่นตาแล้วเตรียมนอนได้เลย ของอ๊อฟจะฟอกด้วยกันทั้งหมด 2 รอบค่ะ รอบละ 15 นาที
ซึ่งแต่ละคนระยะเวลาการฟอกก็แตกต่างกันไปนะคะ ขึ้นอยู่กับคุณหมอพิจารณาค่ะ
ทาง Cosdent ได้นำนวัตกรรมของระบบ cool light (คลูไลท์) จากประเทศฝรั่งเศสมาใช้
ซึ่งสามารถทำให้ฟันขาวขึ้นภายในระยะเวลาเพียง 45 นาที แถม 80% ของผู้ทำการฟอกสีฟัน
ไม่พบว่าเสียวฟัน แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับสภาพของเนื้อฟันของแต่ละบุคคลด้วยนะคะ
** อาการเสียวฟันที่เกิดจากการฟอกสีฟันนั้น เป็นอาการที่สามารถเกิดขึ้นได้ในบางท่านเท่านั้น
ซึ่งอาการดังกล่าวจะลดลงและสามารถหายได้เองภายใน 1 – 4 วัน **
หลังจากฟอกสีฟันเสร็จแล้วก็จะทำการกำจัดน้ำยาฟอกสีฟันและน้ำยาที่ใช้ป้องกันเหงือกออก
เป่าฟันให้แห้งก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อยค่ะ
 ” ความรู้สึกหลังฉายแสงรอบที่ 1 จะบอกว่านอนชิวมากแทบไม่รู้สึกอะไรเลย จนครบเวลาก็ไม่รู้สึก
หลังจากนั้นคุณหมอก็จะทำการลงน้ำยาฟอกฟันอีกรอบ แต่พอฉายแสงรอบ 2 ช่วงนาทีสุดท้ายเท่านั้นแหละ
จะมีเสียวแปล๊บที่ฟันเป็นบางซี่ แต่ก็เสียวเพียงแค่แปปเดียวเท่านั้นเองค่ะ “
ถ้ามีอาการเสียวฟันมาก ทนไม่ไหว สามารถยกมือบอกคุณหมอได้ค่ะ
หลังฟอกฟันเสร็จก็ต้องตกใจเพราะมันขาวทะลุเกินชาร์ตไปอีก คุณหมอบอกว่าขาวพอๆ กับสีของวีเนียร์เลย
หลังฟอกฟันเสร็จสัก 1-2 วัน ของอ๊อฟก็มีอาการเสียวฟันบ้างเล็กน้อยค่ะ และถ้าเทียบกับฟันที่ยังไม่ได้ฟอก
ต้องบอกเลยว่าตอนนี้ขาวขึ้นมาก ขาวสะอาด ขาวแบบไม่ปลอม ชอบมากกกกกก
หลังฟอกสีฟันในสัปดาห์แรกควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารและเครื่องดื่มที่ก่อให้เกิดคราบสีบนฟัน
เช่น การดื่มชา กาแฟ ไวน์แดง รวมถึงการงดสูบบุหรี่ อย่างน้อย 1 สัปดาห์ รวมไปถึงอาหารต่างๆ ที่มีสี เช่น
แกงไตปลา แกงเขียวหวาน ต้มยำน้ำข้น หรืออาหารที่มีเครื่องแกงสีจัดจ้าน แต่ถ้าจำเป็นต้องรับประทาน
ก็ให้ดื่มน้ำตามเยอะๆ แปรงฟันหรือบ้วนปากหลังรับประทานอาหารค่ะ นอกจากนี้การดูแลรักษาความสะอาด
อย่างถูกวิธีจะช่วยรักษาความขาวให้อยู่ได้นานมากขึ้น เพียงเท่านี้ฟันก็จะขาวสดใสสุขภาพดีไปอีกนานเลยค่ะ

สรุปเลยดีกว่าจะบอกว่าประทับใจมาก ประทับใจตั้งแต่คุณหมอ ผู้ช่วย ทุกคนน่ารักและให้คำปรึกษาดีมาก

และราคาก็ไม่ได้แพงเลย เห็นว่าตอนนี้มีโปรโมชั่นอยู่ราคา 5,900 บาท เท่านั้น ถ้าใครสนใจลองอ่าน blog

ที่อ๊อฟเขียนดูได้เลยค่ะ อ๊อฟรวบรวมขั้นตอนการทำ ก่อนทำ หลังทำ การดูแลก่อนและหลังฟอกสีฟัน

ไว้ให้หมดแล้ว หวังว่ารีวิวนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกๆ คน ไม่มากก็น้อยเนอะ สำหรับรีวิวหน้าจะเป็นอะไร

มีอะไรดีๆ เด็ดๆ ดังๆ อย่าลืมติดตามกันนะคะ อ๊อฟจะรีบนำมาอัปเดตแน่นอน

สนใจสอบถามข้อมูลด้านทันตกรรมเพิ่มเติมได้ที่
cosdent สาขาทองหล่อ โทร  098-656-3914
cosdent สาขาสยาม สแควร์วัน ชั้น 6  โทร 093-882-3536
line : @cosdentbyslc
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

Cosdent By SLC

สวัสดีค่ะ หลังจากที่กระทู้มาส์ก 40 ชิ้นที่อ๊อฟรีวิวไปได้รับฟีดแบคดีมาก พอหันไปดูลิปบาล์มบนโต๊ะเครื่องแป้ง
ในลิ้นชักหรือตามห้องนอนก็ต้องตกใจว่าทำไมตัวเองมีลิปบาล์มบำรุงปากเยอะขนาดนี้ ซื้อมาเรื่อยๆ
อันไหนน่าลองก็ซื้อมาลอง จากคนที่เคยปากแห้ง ปากลอก แกะจนเลือดซิบ ตอนนี้ปากไม่แห้งหรือแตกแล้ว
เพราะติดลิปบาล์มหรือการบำรุงริมฝีปากมาก ต้องทาทุกวัน ต้องโบกทุกคืน
วันนี้อ๊อฟเลยจะมารีวิวลิปบาล์มในกรุของตัวเอง เพื่อเป็นข้อมูลให้กับสาวๆ ที่กำลังมองหาลิปบาล์มบำรุงริมฝีปาก
เหมือนเคยค่ะ อ๊อฟจะไม่ได้เรียงว่าตัวไหนดีที่สุด ความรู้สึกหลังใช้มาจากความรู้สึกส่วนตัวของอ๊อฟล้วนๆ
มีทั้งถูกและแพง มีทั้งข้อดีและข้อเสียบ้างปะปนกันไป จะมียี่ห้อไหนบ้างไปดูกันเล๊ยยย

NIVEA Lip Butter Blueberry Blush เป็นลิปบัตเตอร์ที่หอมน่ากินมว๊าก กลิ่นออกแนวลูกอมซูกัสรสบลูเบอรี่
คือหวานหอมมากอะ เรื่องความชุ่มชื้นโอเคระดับนึงแต่ไม่ได้ให้ความชุ่มชื่นทั้งวันนะ ประมาณ 3-4 ชม.
ก็ต้องหยิบมาทาใหม่ ตัวนี้อ๊อฟชอบหยิบมาทาระหว่างวัน นอกจากตลับน่ารักพกพาง่ายก็กลิ่นนี่แหละที่ชอบมาก
ราคา 159 บาท ให้ 7/10 คะแนน (อ๊อฟซื้อที่ 7/11)

สีผึ้งแม่เลียบ ถูกและดียังมีในโลก ถ้าปากแห้งปากเยินจากไหนมาต้องมาจบที่ตัวนี้ หลายๆ คนอาจจะไม่ชอบกลิ่น
เพราะกลิ่นของมันจะออกแนวน้ำอบ น้ำปรุงอะไรประมาณนี้ ทากลางคืนเวลาได้กลิ่นอาจจะหลอนได้
แต่เรื่องบำรุงต้องยกให้นะ เนื้อสีผึ้งหนึบมาก โบกไว้ก่อนนอน ตื่นเช้ามาใช้แปรงสีฟันขัดๆ ถูๆ ปากเนียนทันที
ราคา 25 บาท ให้ 9/10 คะแนน (อ๊อฟซื้อมาจากร้านขายยากรุงเทพ)

ลิปมันเภสัช อีกตัวที่ถูกและดีเชื่อว่าอย่างน้อยทุกคนต้องเคยใช้ เป็นลิปมันที่บำรุงและความชุ่มชื่นได้ดีมาก
 เรียกว่าจิ๋วแต่แจ๋ว เนื้อลิปเป็นสีชมพู ทาออกมาจะออกสีชมพูระเรื่อๆ ควรมีพกติดไว้เป็นยาสามัญประจำบ้าน
ราคา 15 บาท ให้ 9/10 คะแนน (ซื้อได้ที่ 7 หรือร้านขายยา)

Skin plants Shea Butter Soft เป็นลิปบัตเตอร์เข้มข้น 100% มีกลิ่นหอมอ่อนๆ แต่เรื่องความชุ่มชื่น
สำหรับอ๊อฟไม่ได้ช่วยอะไรเลย ทาแล้วเหมือนเคลือบปากไว้เฉยๆ ไม่ได้รู้สึกถึงความชุ่มชื้นอะไร
น้ำตาจะไหลเพราะราคาแพงมาก เลยหยิบมาทาแค่ข้อศอกหรือหัวเข่าค่อยคุ้มค่าหน่อย
ราคา 500 บาท  ให้ 5/10 คะแนน (ซื้อมานานแล้วค่ะ จำไม่ได้ว่าซื้อที่ไหน)

Ira Natural Lip Balm Hokkaido Milk ลิปบาล์มกลิ่นนมฮอกไกโด กลิ่นหอมนมมากกก ก.ไก่ร้อยตัว
ชอบอยากให้มีรสชาติด้วยจะได้กินไปเลย ทาแล้วเหมือนได้กินนมอัดเม็ด เนื้อลิปบาล์มค่อนข้างเหลว
ไม่มีสี ไม่วาว ให้ความชุ่มชื่นได้ดีมาก ทาแล้วปากเนียนนุ่มเบาสบายปาก ทาลิปทับแล้วไม่เป็นคราบ
ราคา 120 บาท ให้ 8/10 คะแนน (อ๊อฟซื้อที่ Konvy)

Cocos Coconut Balm ลิปบาล์มมะพร้าวแบรนด์ของคนไทย ถ้าใครที่ชอบกลิ่นมะพร้าวต้องยกให้ตัวนี้เลย
ไม่มีสี ไม่มีน้ำหอม ไม่มีพาราเบน ไม่มี mineral oil และ Cruelty free คนที่แพ้ง่ายใช้ได้
แฟนอ๊อฟชอบมาก ชอบขโมยของอ๊อฟไปทาบ่อยๆ ทาแล้วปากไม่มันเหมือนทาวาสลีน แต่ให้ความชุ่มชื่นได้ดีมาก
ราคา 110 บาท ให้ 9/10 คะแนน (หาซื้อได้ที่ facebook : Buarada )

Cute Press Alice In Wonderland Tint Balm #White Rabbit ลิปบาล์มบำรุงริมฝีปาก
ลาย Alice in Wonderland ซื้อเพราะแพคเกจเลยนะเนี่ย อ๊อฟเลือกตัวสีใสมา มีกลิ่นหอมมะพร้าวอ่อนๆ
ทาแล้วปากเนียนนุ่มดี ไม่เหนอะหนะ ให้ความชุ่มชื้นระดับกลางๆ แพ้ความน่ารักมากกว่า
ราคา 149 บาท ให้ 7/10 คะแนน (อ๊อฟซื้อมาจาก 7/11)
Belif Sugar Coat Lip Balm เป็นลิปบาล์มใสๆ มีกลิ่นหอมเลม่อนอ่อนๆ ตัวนี้ทาแล้วปากมันวาวเหมือนมีน้ำตาล
เคลือบที่ริมฝีปาก ความรู้สึกอ๊อฟว่ามันเหนอะเหนอะ เลยไม่ค่อยหยิบมาใช้เท่าไหร่ เรื่องความชุ่มชื่นรู้สึกเฉยๆ
ราคา 540 บาท ให้ 4/10 คะแนน (อ๊อฟจำไม่ได้ว่าซื้อมาจากที่ไหนตัวนี้ซื้อมานานแล้วค่ะ)

LANEIGE Lip Sleeping Mask#Berry ตัวนี้ไม่ต้องบรรยายเยอะเพราะมันดีมาก มาก มากจริงๆ
แต่ก่อนตอนทาลิปแมทปากแห้งบ่อยมาก พอมาใช้ตัวนี้ไม่แห้ง ไม่ลอกไม่เป็นขุย โบกก่อนนอน
ตื่นมาปากนุ่มมากกกก ที่สำคัญมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ด้วย
ราคา 700 บาท ให้ 10 10 10 คะแนน (อ๊อฟซื้อมาจาก Konvy)

IKAKO Overnight Lipmask 100% Natural Extract  ลิปมาส์กบำรุงปากสูตรเข้มข้น แบรนด์ของคนไทย
ตัวเนื้อลิปเนียนนุ่ม เนื้อลิปค่อนข้างข้นแต่ทาแล้วไม่หนักปาก ไม่เหนียวเหนอะหนะ ทาก่อนนอนตื่นมาปาก
ยังชุ่มชื้นอยู่เลย ตัวนี้คือดีมาก พอกหนาๆ ก่อนนอน ปากไม่แห้งเวลาทาลิปก็ไม่ตกร่อง
ราคา 200 บาท ให้ 8/10 คะแนน (ซื้อได้ที่ IG : kikakocosmetic)

Vasaline Lip Therapy #Rosy Lip ลิปทรีทเม้นท์จากวาสลีน เพราะความน่ารักกระจุ๋มกระจิ๋มนี้ถึงซื้อมา
ตัวนี้มีสีชมพูระเรื่อๆ และกลิ่นกุหลาบอ่อนๆ ตลับจิ๋วพกพาง่าย แต่ต้องใช้นิ้วควัก เลยไม่ค่อยชอบเท่าไหร่
ให้ความชุ่มชื่นนิดหน่อย เหมาะกับวันสบายๆ แต่งหน้าเบาๆ ทาระหว่างวันมากกว่า
ราคา 159 บาท ให้ 7/10 คะแนน (อ๊อฟซื้อมาจาก 7/11)

Medmaker Pure Petroleum Jelly สูตรสำหรับผิวที่ละเอียดอ่อนของทารก เป็นปิโตรเลี่ยมที่ใช้บำรุง
ได้ทุกส่วนของร่างกาย อ๊อฟว่าดีกว่าวาสลีนกระปุกเหลืองอีก เนื้อเจลใส ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ไม่หนืด ไม่มันวาว
ให้ความชุ่มชื่นสูง เป็นเหมือนเจลครอบจักรวาลทาได้ทุกส่วน ควรมีติดบ้านไว้เช่นกัน
ราคา 50 บาท ให้ 7/10 คะแนน (อ๊อฟซื้อมาจาก 7/11)

Lucas Papaw Ointment เป็นบาล์มเอนกประสงค์ เนื้อข้นๆ เหลืองๆ  คือตรงไหนแห้งหยิบมาทาได้หมด
ตัวนี้คือแนะนำควรต้องมี หาซื้อติดไว้เถอะไม่ผิดหวัง หน้าลอก ปากแห้ง เข่าด้าน ตาตุ่มหยาบก็ทาได้หมด
จะโบกปากหรือโบกส้นเท้าหนาๆ ก่อนนอน ตื่นมาก็นุ่มเหมือนกัน เนื้อค่อนข้างหนัก
ไม่เหมาะสำหรับทาตอนเช้า เน้นบำรุงกลางคืนคือดีมาก
ราคา 229 บาท ให้ 10 คะแนน (อ๊อฟซื้อมาจาก Konvy)
Puffguin Papaw Ointment บาล์มมะละกอเอนกประสงค์สรรพคุณครอบจักรวาลเหมือน Lucas PaPaw
แต่จะไม่เหนียว ตัวนี้ไม่ใส่น้ำหอม ไม่มีสารกันบูด ผิวแพ้ง่ายบอบบางใช้ได้แน่นอน เป็นเนื้อบาล์มสีขาวขุ่นๆ
เวลาทาจะมันๆ แต่ไม่ได้รู้สึกเหนียวเหนอะหนะ สรรพคุณคือดีงามขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ ที่นำไปใช้
ราคา 375 บาท ให้ 9/10 คะแนน (อ๊อฟซื้อมาจากวัตสัน)
Pure Paw Paw Oinment บาล์มสารพัดประโยชน์ที่ทำจากมะละกอเช่นเดียวกัน กลิ่นธรรมชาติ (สีขาว)
เป็นบาล์มที่ครอบจักรวาลเช่นเดียวกัน ใช้ทาปากแห้ง ปากแตกเป็นขุย เติมความชุ่มชื่นให้กับริมฝีปาก
บรรเทาการอักเสบได้ ทาแก้ผดผื่นคัน น้ำร้อนลวก  ฯลฯ เนื้อบาล์มสีขาวขุ่น ไม่มีกลิ่น ทาแล้วจะมันๆ ที่ผิว
ราคา 199 บาท ให้ 8/10 คะแนน (อ๊อฟซื้อมาจาก EVEANDBOY)

Himalaya Lip Balm ซื้อมาเพราะอยากลองของ เคยใช้ยี่ห้อนี้ที่เป็นเจลล้างหน้าแล้วแพ้
เลยขอลองกับลิปบาล์มสักหน่อยละกัน เป็นลิปบาล์มสีขาวขุ่นเนื้อลิปค่อนข้างข้น มีกลิ่นอ่อนๆ ทาแล้วรู้สึกเหมือน
เคลือบปากเอาไว้เลยไม่รู้สึกถึงความชุ่มชื่นเท่าไหร่ทาแล้วสักพักก็หายไป หรือเราจะไม่เหมาะกับยี่ห้อนึงจริงๆ T.T
ราคา 69 บาท ให้ 4/10 คะแนน (อ๊อฟซื้อมาจาก Konvy)

Beauty Buffet  Born to Be Baby Tint Essence เป็นทิ้นที์ที่มาในรูปแบบลิปกลอส เนื้อทิ้นท์มีสีชมพูอ่อนๆ
ทาไปสักพักจะเข้มขึ้นกว่าเดิมเยอะมาก ค่อนข้างฉ่ำวาว เหมาะกับทาระหว่างวันมากกว่า
เรื่องความชุ่มชื่นสำหรับอ๊อฟรู้สึกเฉยๆแต่เรื่องความฉ่ำและติดทนนานต้องให้เค้าแหละ
ราคา 150 บาท ให้ 5/10 คะแนน (อ๊อฟซื้อจาก Beauty Buffet Shop สาขาโลตัสรามคำแหง)

Carmex Moisturising Lip Balm #Strawberry ลิปบาล์มบำรุงริมฝีปาก กลิ่นสตรอเบอร์รี่ เนื้อลิปสีเหลืองขุ่นๆ
ได้กลิ่นเหมือนสตอเบอรี่ผสม กับยาหม่อง ทาแล้วเย็นปากมากกก เย็นจนแสบ แถมพอเข้าปากไม่อร่อยด้วย
รสปะแล่มๆ  ทั้งมันและเย็นเลยใช้ต่อไม่ไหว เสียจุย
ราคา 89 บาท ให้ 3/10 คะแนน (อ๊อฟซื้อมาจากวัตสัน)

สีผึ้งคำน่อย #สีผึ้งชมพูนุท #สีผึ้งกะทิ เป็นสีผึ้งแบรนด์ของคนไทย ถ้าพูดถึงพี่นุช สาวๆ โต๊ะเครื่องแป้งสมัยก่อน
น่าจะเคยรู้จัก หรือเคยใช้สีผึ้งของพี่เค้า จริงๆ อ๊อฟมีแบบเป็นเซต แต่ด้วยความจิ๋วริ๋วของมัน
อีกอันที่เป็นสีผึ้งเนื้อทองเลยหายไป T.T
สีผึ้งชมพูนุท – ตัวนี้ให้ความชุ่มชื้นสูงมาก มีสีชมพูอ่อนๆ พอทาทิ้งเอาไว้จะเริ่มเป็นสีชมพูระเรื่อ ๆ
พร้อมกลิ่มหอมแบบไทย ทาตัวนี้เป็นตัวแรกก่อนทาลิป ปากจะไม่แห้ง ไม่เป็นขุยหรือตกร่อง
สีผึ้งกะทิ – ตัวนี้มีกลิ่นหอมเหมือนขนมมาก เพราะเค้าทำมาจากกะทิสด เนื้อลิปจะเป็นสีเหลืองนวลๆ
ตัวนี้ใช้ทาตอนกลางคืนจะช่วยบำรุงริมฝีปากให้เนียนนุ่ม
ราคาเซ็ตละ 389 บาท ให้ 9/10 คะแนน (อ๊อฟซื้อมาจากเวปของพี่นุช Nuchyshop)

BURTS & BEES Moisturizing Lip Balm #Wild Cherry ลิปบาล์มกลิ่นเชอร์รี่ แต่ทำไมอ๊อฟดมแล้วรู้สึกว่า
กลิ่นมันแปลกๆ เป็นลิปบาล์มที่ทาแล้วปากไม่มันวาวเหมือนแอบแฟนกินกล้วยทอด ให้ความชุ่มชื่นได้ดี
ทาตั้งแต่เช้าบ่ายๆ เย็นๆ ปากยังไม่แห้งเลย
ราคา 280 บาท ให้ 7/10 คะแนน (อ๊อฟซื้อที่วัตสัน)

Lovella Organics แบรนด์ลิปบำรุงริมฝีปากแบบออร์แกนิค 100% เป็นลิปบาล์มที่ไม่มีสีแต่มีกลิ่นหอมกุหลาบ
อ่อนๆ ตัวลิปบาล์มไม่เหนียวไม่หนืด ทาแล้วให้ความชุ่มชื่นได้ดีมาก ยิ่งวันไหนสวอชลิปมาเยอะๆ ปากลอก
ปากเปื่อย โบกตัวนี้ก่อนนอน ตื่นมาปากเนียนเลย เป็นอีกลิปบาล์มที่ดีที่ชอบอีกยี่ห้อนึง
ราคา 290 บาท ให้ 9/10 คะแนน (อ๊อฟซื้อที่ IG : @Lovellaorganics)

Blistex Medicated Berry Balm  SPF15 เป็นลิปมันที่มีกลิ่นเบอรี่ กลิ่นหอมหวานอ่อนๆ ทาแล้วจะเย็นๆ ที่ริมฝีปาก
แต่เย็นไม่มากเท่าไหร่ ทาแล้วไม่ทำให้ปากมันเงา ตัวนี้ทาแล้วให้ความชุ่มชื่นระดับนึงต้องเน้นทาบ่อยๆ
เพราะทาแล้วอยู่ไม่ได้นาน ชอบตรงมี spf นี่แหละ
ราคา 85 บาท ให้ 6/10 คะแนน (อ๊อฟซื้อมาจากวัตสัน)

Skin plants RoseHip Lipbalm ลิปบาล์มบำรุงริมฝีปากสูตรสารสกัดจากโรสฮิปออยล์เข้มข้น
มีกลิ่นหอมคล้ายๆกับมายมินท์รสเปปเปอร์มินท์ ทาแล้วรู้สึกเย็นๆ เล็กน้อย ตัวนี้ให้ความรู้สึกชุ่มชื้น​
แต่ไม่เหนอหนะ เบาสบายปากทาแล้วไม่มันปาก อันนี้แฟนชอบใช้
ราคา 168 บาท ให้ 7/10 คะแนน (จำไม่ได้ว่าซื้อที่ไหน)

K.A. Lip Care #strawberry  เป็นลิปบาล์มบำรุงริมฝีปากกลิ่นสตอเบอรี่ กลิ่นหอมหวานมาก เรื่องความชุ่มชื้น
โอเคระดับนึงไม่ได้มากมาย ทาแล้วได้อารมณ์ปากระเรื่อๆ ธรรมชาติ ทำหายก็ไม่เสียดายอะ
เพราะหาซื้อง่าย เหมาะกับวันสบายๆ ไม่แต่งหน้า
ราคา 45 บาท ให้ 5/10 คะแนน (อ๊อฟซื้อมาจาก 7/11)

NIVEA Strawberry Shine Lip Care เป็นลิปที่มีสีแดงอ่อนๆ มีกลิ่นหอมสตอเบอรี่ ได้แค่ความชุ่มชื้นนิดหน่อย
แต่ยังไม่ช่วยลดปัญหาแห้งแตกลอกของปาก เอาไว้พกทาระหว่างวันหรือเติมความชุ่มชื่นให้ริมฝีปากมากกว่า
ราคา 60 บาท  ให้ 5/10 คะแนน (ซื้อที่โลตัสตอนลดราคา)
CLINIQUE  Chubby Plump & Shine Liquid Lip Plumping Gloss #02super scarlet เป็นลิปกลอสแบบหมุน
ที่ทาแล้วเบาสบายปากมาก ทาบางๆ จะได้สีแดงระเรื่อๆ สวยแบบผู้ดี ให้ความชุ่มชื้นได้ระดับนึง
แต่ถ้าคนที่ปากแห้งมากๆ ตัวนี้ไม่พอแน่นอน เหมาะกับใช้ระหว่างวันได้ปากแบบอิ่มๆ สุขภาพดี
ราคา 800 บาท ให้ 8/10 คะแนน (อ๊อฟซื้อมาจากเวป Clinique Thailand)

Mistine Boss Super Balm Lip Glow #01 ซื้อเพราะแม่อั้มนี่แหละ เป็นลิปบาล์มสีชมพูใสๆ เรื่องบำรุงอ๊อฟเฉยๆ
แต่เรื่องโทนสีต้องยอมรับว่าได้สีชมพูสวยจริงๆ เหมาะกับคนที่ไม่ได้แต่งหน้าจัดจ้านอะไร
ถ้าเน้นเรื่องบำรุงอ๊อฟว่าตัวนี้ยังไม่เท่าไหร่ ทาเอามาทาเป็นลิปมันระหว่างวันก็โอเค
ราคา 99 บาท ให้ 6/10 คะแนน (อ๊อฟซื้อมาจากเวป Shopee)

Nars Orgasm After Glow Lip Balm เป็นลิปบาล์มที่แพคเกจสวยงามมว๊ากกก และเป็นเฉดสีเดียวกับบลัชออน
ยอดฮิตของนาร์สนั่นก็คือ สี Orgasm นั่นเอง เป็นลิปบาล์มที่ทาแล้วเบาสบายปากบำรุงนิดหน่อย
แต่ทาแล้วได้สีปากชมพูระเรื่อๆ มีประกายสวยงามมาก สีนี้คือมันดีมากจริงๆ
ราคา 1,090 บาท ให้ 9/10 คะแนน (ทางแบรนด์ให้มาค่ะ)

Dior  Addict Lip Glow #001 Pink ไม่ต้องพูดเยอะเพราะมันดีงามมากจริงๆ ชอบทั้งแพคเกจ สี และความชุ่มชื้น
เป็นลิปที่ทำหน้าที่ได้ดีหมด สีชมพูระเรื่อๆ พออยู่บนปากคือสวยมาก เรื่องความชุ่มชื่นก็ดีสุดๆ
เนื้อลิปคือเนียนนุ่มและหอมมาก เอาเป็นว่ารู้สึกดีทุกครั้งที่หยิบขึ้นมาทา
ราคา 990 บาท ให้ 10 คะแนนเต็มไปเลย (อ๊อฟซื้อใน IG : Thecosmeticsofficial)

เป็นยังไงกันบ้างคะมีตัวไหนถูกใจเพื่อนๆ กันบ้างหรือเปล่า ถ้าเกิดมีตัวไหนอยากให้อ๊อฟรีวิวหรือตัวไหนน่าใช้
ก็แนะนำอ๊อฟได้เลยนะคะ สำหรับ Blog หน้า อ๊อฟจะรวบรวมไอเท็มอะไรเด็ดๆมารีวิว
อย่าลืมติมตามและให้กำลังใจกันด้วยน้าาา
สวัสดีค่ะ วันนี้อ๊อฟจะมาอัปเดตการทำตาสองชั้นของอ๊อฟที่ตอนนี้ผ่านมาครบ 3 เดือนแล้ว
อ๊อฟไปทำตาเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2561 มาค่ะ หลังจากปรึกษาคุณหมอโบ๊ทกับคุณหมอจงมาหลายรอบ
แน่นอนว่าจะเป็นที่ไหนไปไม่ได้ก็ คือ ที่เดียวกับที่อ๊อฟทำจมูก นั่นก็คือ ” เรนิตา คลีนิค “ นั่นเอง

ซึ่งตอนนี้คุณหมอย้ายมาอยู่ที่ THONGLOR HAPPY CLINIC แล้วนะคะ

(สามารถคลิกที่ชื่อคลีนิคใหม่ของคุณหมอได้เลยค่า)
ซึ่งเคสของอ๊อฟ คุณหมอบอกว่าไม่ง่ายเลย เนื่องจากตาของอ๊อฟไม่มีไขมันเลย ลักษณะตาเป็นคนตาปรือ
ตาลึก ตาโบ๋ ตามีหลายชั้น ดูอิดโรยไม่สดใส แม้ว่าจะตื่นนอนแต่เช้า แต่ก็จะดูเป็นคนง่วงนอนตลอดเวลา
ดังนั้นวิธีแก้ไขตาของอ๊อฟนอกจากจะทำตาสองชั้นแล้วยังต้องเติมไขมันเพื่อทดแทนส่วนที่หายไป
โดยนำไขมันใต้ผิวหนังของตัวเองมาเติม ของอ๊อฟคุณหมอให้เลือกใช้บริเวณพุงค่ะ
การเติมเซลล์ไขมันบริเวณนี้จำเป็นต้องอาศัยทักษะและความชำนาญเป็นพิเศษ
เนื่องจากไขมันที่หายไปเป็นไขมันชั้นลึก ถ้าเติมผิดตำแหน่งมีโอกาสที่จะทำให้เกิดเป็นลำหรือก้อนที่หนังตาได้
แต่ไม่ต้องห่วงเพราะคุณหมอโบ๊ทเค้าเชี่ยวชาญเรื่องนี้มาก การเติมเต็มเพื่อแก้ไขตาลึก ซึ่งบางครั้งอาจต้องทำ
มากกว่าหนึ่งครั้ง เนื่องจากบางส่วนของเซลล์ไขมันอาจหายไปอันนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละคนนะคะ
อ๊อฟก็ได้แต่ภาวนาว่าไขมันของอ๊อฟจะยังอยู่ครบไม่ต้องเจาะเอาที่พุงออกมาเติมอีก T.T
คุณหมอก็ทำการดีไซน์ชั้นตาและมาร์คจุดเป็นที่เรียบร้อย
ชั้นตาของอ๊อฟจะไม่ใหญ่มากเรียกว่าพอดี กำลังแต่งหน้าสวย
ชั้นตอนการทำตาสองชั้น ก็จะมีการฉีดยาชาที่ตา ถ้าถามว่าเจ็บมั้ย
เอาจริงๆ ก็ไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่หรอกเพราะสักพักยาชาก็ออกฤทธิ์แล้วค่ะ
ระหว่างที่ทำตาเราจะรู้สึกตลอดเวลา สามารถพูดคุยกับคุณหมอได้ค่ะ ของอ๊อฟใช้เวลาทำเกือบ 1 ชม.
เพราะต้องมีการนำเอาไขมันที่พุงมาเติมที่เปลือกตา ดังนั้นจะใช้เวลานานกว่าทำตาสองชั้นทั่วไปค่ะ
และนี่ก็คือเจ้าก้อนไขมันจากพุงที่ผ่าออกมา ก่อนจะเอาออกมาอ๊อฟบอกคุณหมอว่า เอาออกไปเยอะๆ ได้มั้ยคะ
พอคุณหมอเอาออกมาแค่นี้ โวยวายแทบตายเพราะมันเจ็บมาก ในใจได้แต่บอกว่าเอามันไว้ที่เดิมดีแล้วค่ะคุณหมอ
ทำตาไม่เจ็บเท่าเอาไขมันออกมาจากพุงอีกนะ บอกตรงๆ T.T
แผลที่กรีดบริเวณพุงก็ไม่ได้ใหญ่มาก เล็กนิดเดียวเองค่ะ ประมาณ 1 เซน ทายาลบรอยแผลเป็นเดี๋ยวก็หาย
เอาจริงๆ นะ เจ็บพุงมากกว่าเจ็บตาอีก มันระบมที่พุง เวลาจะนั่งก็ลำบาก
ที่เรนิตา คลีนิคทำตาแบบกรีดแผลเล็ก ไม่ต้องห่วงว่าจะต้องพักฟื้นนาน แถมยังอยู่ได้ถาวรอีกด้วย
สักพักตาสองชั้นของเราก็เสร็จเรียบร้อย แทบจะอดใจลุกขึ้นมารอดูกระจกไม่ไหว
หลังจากทำตาเสร็จก็จะแปะผ้าก๊อตทิ้งไว้สักพัก ระหว่างนี้ก็นอนพักตาไปก่อนเนอะ
เสร็จแล้วววว….บวมนิดเดียวเอง ที่เห็นม่วงๆ นั่นคือ รอยปากกาที่คุณหมอเขียนดีไซน์ชั้นตาไว้นะคะ
จะมีรอยม่วงแค่จุดเล็กๆ ไม่บวม ไม่ช้ำเท่าไหร่ หลังทำเสร็จจะรู้สึกตึงๆ ที่แผลเล็กน้อย
อีก 4 วัน คุณหมอก็นัดตัดไหมและทำความสะอาดแผลที่ตา ตอนตัดไหมก็ไม่เจ็บนะคะเพราะคุณหมอมือเบามาก
หลังจากทำตาครบ 1 อาทิตย์ ก็สามารถล้างหน้า เช็ดแผลได้ปกตินะคะ
ขั้นตอนการดูแลหลังทำตาของอ๊อฟก็ไม่มีอะไรเลย พยายามไม่ไปยุ่งกับตาในช่วงอาทิตย์แรก
พยายามไม่โดนน้ำ พออาทิตย์ที่สองก็เริ่มทา Hiruscar Silicone Pro ตัวนี้เค้าออกมาเหมาะกับอุบัติเหตุหรือแผล
ที่เกิดจากการศัลยกรรมมาก ยิ่งดูแลรักษาแผลเร็วเท่าไหร่ ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นก็ทำให้แผลเป็นจางไวเร็วขึ้นเท่านั้น
อ๊อฟทาเช้า-เย็น หลังอาบน้ำ ทั้งที่ตาและที่พุงค่ะ เนื้อเจลซิลิโคนใสทาแล้วเหมือนเคลือบผิว แห้งไวไม่เหนอะหนะ

และนี่ก็เป็นช่วงทำตา 2- 4 วันแรกของอ๊อฟซึ่งจะบวมมากสุดแล้ว
หลังทำตาไป 5 วัน อ๊อฟก็เริ่มแต่งหน้าถ่ายงานแล้วค่ะ เพราะมีงานรีวิวต้องส่ง ตาของอ๊อฟบวมจะบวมประมาณนี้
มีรอยช้ำที่ใต้ตาและเปลือกตาเล็กน้อย บวมหนักสุดก็จะเป็นช่วง 2-3 วันแรก หลังจากนั้นก็ยุบลงเรื่อยๆ
ถ้าวันไหนกินพวกส้มตำปูปลาร้าหรืออาหารเค็มๆ ตื่นมาก็จะตาบวมหน่อย แต่ทานน้ำเยอะๆ ก็หายค่ะ

หลังจากแต่งหน้าออกมาก็จะประมาณนี้ จะเห็นว่าแค่วันที่ 5 ตาก็ดูหวานขึ้น บางคนดูไม่ออกด้วยซ้ำว่าไปทำตามา

หลังทำตาสองชั้นครบ 3 เดือน ตื่นนอนปุ๊บก็ลุกมาถ่ายปั๊บ หน้าก็จะเบลอๆ หน่อย
รอยช้ำหรือแผลแห้งสนิทแล้ว ไม่ใส่คอนแทคเลนส์ตาก็ไม่ลอยเหมือนก่อน
ยังมีตาไม่เท่ากันอยู่บ้าง แต่โดยรวมไม่ค่อยบวมเท่าไหร่แล้ว อีกสัก 6 เดือนอ๊อฟว่าน่าจะยุบกำลังสวย

อ๊อฟเลยรวบรวมภาพก่อนทำและหลังทำมุมต่างๆ อันนี้เป็นมุมข้างจะเห็นว่าชั้นตาเปลี่ยนไปเลย

เอาภาพแต่งหน้าแบบเข้มๆ มาเทียบเมื่อตอนยังไม่ทำตา จะเห็นว่าแตกต่างกันม๊ากกกก

ตอนนี้ก็ทำตาครบ 3 เดือนแล้วจะบอกว่า แต่งหน้าสนุกขึ้น ชั้นตาดูคมชัดขึ้น สดใสขึ้นกว่าเก่า
จะแต่งลุคหวานหรือเซ็กซี่ก็ทำได้หมด หน้าสดก็ยังดีอะ (หัวเราะเสียงดังๆ )

สำหรับใครที่สนใจทำตา ทำจมูก เข้าไปสอบถามรายละเอียดได้ที่ทางเพจของเรนิตาเลย
หรือจะนัดเข้าไปให้คุณหมอโบ๊ทและคุณหมอจงดูก่อนก็ได้ค่ะ ไม่มีค่าใช้จ่าย คุณหมอน่ารักมากจริงๆ
อย่าลืมบอกว่ามาจากอ๊อฟ iloveaday น้า มีส่วนลดแน่นอน

ตอนนี้คุณหมอเค้าย้ายมาที่ THONGLOR HAPPY CLINIC

แล้วนะคะ อย่าตามไปที่เก่าน้าาา ที่เก่าคลินิคไม่เปิดแล้วค่า